เมนู

3. ขันติวาทิชาดก


โทษที่ทำร้ายพระสมณะ


[550] ข้าแต่ท่านผู้มีความเพียรมาก ผู้ใดให้ตัด
มือเท้า หูและจมูกของท่าน ท่านจงโกรธผู้
นั้นเถิด อย่าได้ทำรัฐนี้ให้พินาศเสียเลย.
[551] พระราชาพระองค์ใดรับสั่งให้ตัดมือ เท้า
หู และจมูกของอาตมภาพ ขอพระราชา
พระองค์นั้นจงทรงพระชนม์ยืนนาน บัณฑิต
ทั้งหลาย เช่นกับอาตมภาพย่อมไม่โกรธ
เคืองเลย.
[552] สมณะผู้สมบูรณ์ด้วยขันติ ได้มีมาใน
อดีตกาลแล้ว พระเจ้ากาสีรับสั่งให้ตัดมือ
เท้า หู และจมูกของสมณะผู้ตั้งอยู่ในขันติ.
[553] พระเจ้ากาสีหมกไหม้อยู่ในนรกได้เสวย
วิบากอันเผ็ดร้อนของกรรมที่หยาบช้านั้น.
จบ ขันติวาทิชาดกที่ 3

อรรถกถาขันติวาทิชาดกที่ 3


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
ภิกษุผู้มักโกรธรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
โย เต หตฺเถ จ ปาเท จ ดังนี้.
เรื่องได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแล. ก็ในที่นี้ พระ-
ศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า เธอบวชในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้
ไม่โกรธ เพราะเหตุไร จึงกระทำความโกรธเล่า โบราณกบัณฑิต
ทั้งหลาย เมื่อเครื่องประหารตั้งพันตกลงบนร่างกาย เมื่อถูกเขาตัดมือ
เท้า หู และจมูก ก็ยังไม่กระทำความโกรธแก่คนอื่น แล้วทรงนำเอา
เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล พระเจ้ากาสีพระนามว่ากลาปุทรงครองราชสมบัติ
อยู่ในนครพาราณสี ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูล
พราหมณ์มีทรัพย์สมบัติ 80 โกฏิ เป็นมาณพชื่อว่ากุณฑลกุมาร
เจริญวัยแล้ว ได้เล่าเรียนศิลปะทุกอย่างในนครตักกศิลา แล้วรวบราม
ทรัพย์สมบัติตั้งตัว เมื่อบิดามารดาล่วงลับไป. จึงมองดูกองทรัพย์แล้ว
คิดว่า ญาติทั้งหลายของเราทำทรัพย์ให้เกิดขึ้นแล้วไม่ถือเอาไปเลย
แต่เราควรจะถือเอาทรัพย์นั้นไป จึงจัดแจงทรัพย์ทั้งหมด ให้ทรัพย์แก่
คนที่ควรให้ ด้วยอำนาจการให้ทาน แล้วเข้าไปยังป่าหิมพานต์ บวช
ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยผลาผลไม้ อยู่เป็นเวลาช้านาน เพื่อต้องการ