เมนู

8. ชวสกุณชาดก


ผู้ไม่มีกตัญญูไม่ควรคบ


[530] ข้าแต่พระยาเนื้อ ขอนอบน้อมแด่ท่าน
ข้าพเจ้าได้ทำกิจอย่างหนึ่งแก่ท่าน ตามกำลัง
ของข้าพเจ้าที่มีอยู่ ข้าพเจ้าจะได้อะไรตอบ
แทนบ้าง.
[531] การที่ท่านเข้าไปอยู่ในระหว่างฟันของเรา
ผู้มีเลือดเป็นภักษาหาร ผู้ทำกรรมอันหยาบช้า
อยู่เป็นนิตย์ ท่านยังเป็นอยู่ได้ นั่นก็เป็น
คุณมากอยู่แล้ว.
[532] น่าติเตียนคนที่ไม่รู้คุณที่เขาทำแล้ว ผู้
ไม่ทำคุณให้ใคร และผู้ที่ไม่ทำตอบแทนคุณ
ที่เขาทำก่อน ความกตัญญูไม่มีในคนใด การ
คบคนนั้นย่อมไร้ประโยชน์.
[533] บุคคลไม่ได้มิตรธรรมด้วยอุปการคุณที่
ตนประพฤติต่อหน้าในผู้ใด ผู้นั้นบัณฑิตไม่
ต้องริษยา ไม่ต้องคำว่า พึงค่อย ๆ หลีกออก
ห่างจากผู้นั้นไปเสีย.

จบ ชวสกุณชาดกที่ 8

อรรถกถาชวสกุณชาดกที่ 8


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ทรงปรารภ-
ความอกตัญญูของพระเทวทัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า อกรมฺหาว เต กิจฺจํ ดังนี้.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น
แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็เป็นคนอกตัญญูเหมือนกัน แล้วทรงนำ
เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติอยู่ใน
นครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นนกหัวขวานอยู่ในหิมวันต-
ประเทศ. ครั้งนั้นราชสีห์ตัวหนึ่งกินเนื้อ กระดูกติดคอจนคอบวม.
ไม่สามารถจับเหยื่อกินได้ เวทนากล้าแข็งเป็นไป. ลำดับนั้น นกนั้น
เที่ยวขวนขวายหาเหยื่อ เห็นราชสีห์นั้นจึงจับที่กิ่งไม้ ถามว่า สหาย
ท่านเป็นทุกข์เพราะอะไร ราชสีห์นั้นจึงบอกเนื้อความนั้น. นกนั้น
กล่าวว่า สหาย เราจะนำกระดูกนั้นออก ให้แก่ท่าน แต่เราไม่อาจเข้า
ไปในปากของท่าน เพราะกลัวว่า ท่านจะกินเรา. ราชสีห์กล่าวว่า ท่าน
อย่ากลัวเลย สหาย เราจะไม่กินท่าน . ท่านจงให้ชีวิตเราเถิด. นกนั้น
รับคำว่าดีละ แล้วให้ราชสีห์นั้นนอนตะแคง แล้วคิดว่า ใครจะรู้ว่า
อะไรจักมีแก่เรา จึงวางท่อนไม้ค้ำไว้ริมฝีปากทั้งข้างล่างและข้างบนของ
ราชสีห์นั้นโดยที่มันไม่สามารถหุบปากได้ แล้วเข้าไปในปาก เอาจงอย
ปากเคาะปลายกระดูก. กระดูกก็เคลื่อนตกไป. จากนั้นครั้นทำให้