เมนู

7. ปลาสชาดก


ว่าด้วยขุมทรัพย์ที่ฝั่งไว้ที่โคนต้นไม้


[526] ดูก่อนพราหมณ์ ท่านก็รู้ว่าต้นทอง-
กวาวนี้ไม่มีจิต ไม่ได้ยินเสียงอะไร และไม่
รู้สึกอะไรเลย เพราะเหตุไรท่านจึงพยายาม
มิได้มีความประมาท ถามถึงสุขไสยาอยู่
เสมอมา.
[527] ต้นทองกวาวต้นใหญ่ ปรากฏไปใน
ที่ไกล ตั้งอยู่ในภูมิประเทศราบเรียบ เป็น
ที่อยู่อาศัยของทวยเทพ เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าจึงนอบน้อมต้นทองกวาวนี้ และ
เทพเจ้าผู้สิงอยู่ที่ต้นทองกวาวนี้ด้วย เพราะ
เหตุแห่งทรัพย์.
[528] ดูก่อนพราหมณ์ ข้าพเจ้าเพ่งถึงความ
กตัญญูจักทำการทดแทนคุณท่านตามอานุ-
ภาพ ความดิ้นรนของท่านผู้มาถึงสำนักของ
สัตบุรุษทั้งหลาย ไฉนจักเปล่าจากประโยชน์
เล่า.

[529] ไม้เลียบต้นใด อยู่เบื้องหน้าต้น-
มะพลับเขาล้อมไว้ มหาชนเคยบูชายัญกัน
มาแต่ก่อน เป็นต้นไม้ใหญ่ ขุมทรัพย์เขาฝั่ง
ไว้ที่โคนต้นไม้เลียบนั้นแล ไม่มีเจ้าของ
ท่านจงไปขุดเอาทรัพย์นั้นเถิด.

จบ ปลาสชาดกที่ 7

อรรถกถาปลาสชาดกที่ 7


พระศาสดาทรงบรรทม ณ เตียงปรินิพพาน ทรงปรารภ
พระอานันทเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อเจตนํ
พฺราหฺมณ อสุณนฺตํ
ดังนี้.
ได้ยินว่า ท่านผู้มีอายุนั้น ทราบว่า ในเวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง
แห่งราตรีวันนี้ พระศาสดาจักปรินิพพาน ก็นึกถึงตนว่า ก็เราแล
ยังเป็นเสขบุคคลมีกิจที่จะต้องทำ แต่พระศาสดาของเราจักปรินิพพาน
การอุปัฏฐากบำรุงที่เรากระทำแก่พระศาสดามาตลอดเวลา 25 ปี น่า
จักไร้ผลถูกความเศร้าโศกครอบงำ จึงเหนี่ยวไม้สลักประตูห้องน้อย
ในอุทยานร้องไห้อยู่. พระศาสดาเมื่อไม่ทรงเห็นท่านพระอานนท์ จึง
ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานนท์ไปไหน ครั้นได้ทรงสดับ
ดังนั้นแล้ว จึงรับสั่งให้เรียกท่านมาประทานโอวาท แล้วตรัสว่า
อานนท์ เธอเป็นผู้ได้ทำบุญไว้แล้ว จงหมั่นประกอบความเพียร