เมนู

9. โกมาริยปุตตชาดก


ว่าด้วยผู้ไกลจากภูมิฌาน


[496] เจ้าลิง เมื่อก่อนเจ้าเคยโลดเต้นเล่น
ในสำนักเราผู้คะนองเล่นเป็นปกติ เจ้าจะ
กระทำอาการโลดเต้นอย่างลิง บัดนี้ เราไม่
ชื่นชมยินดีอาการนั้นของเจ้าแล้ว.
[497] ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูง เราได้
ฟังมาจากอาจารย์ชื่อโกมาริยบุตรผู้เป็นพหูสูต
บัดนี้ ท่านอย่าเข้าใจเราว่าเหมือนแต่ก่อน
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เราประกอบไปด้วยฌาน
อยู่ทั้งนั้น.
[498] เจ้าลิงเอ๋ย ถ้าแม้บุคคลจะพึงหว่านพืช
ลงที่แผ่นหิน ถึงฝนจะตกลงมา พืชนั้นก็
งอกงามขึ้นไม่ได้แน่ ความหมดจดด้วยฌาน
อย่างสูงนั้น ถึงเจ้าจะได้ฟังมาแล้ว เจ้าก็ยัง
เป็นผู้ไกลจากภูมิฌานมากนัก.

จบ โกมาริยปุตตชาดกที่ 9

อรรถกถาโกมาริยปุตตชาดกที่ 9


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ บุพพาราม ทรงปรารภภิกษุ
ทั้งหลายผู้มักเล่นเป็นปกติ จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ปุเร ตุวํ
ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุเหล่านั้น เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในปราสาท
ชั้นบน ต่างพากันนั่งพูดถึงเรื่องที่ตนได้เห็นและได้ยินมาเป็นต้น ทำ
ความตลกคะนองและหัวเราะเฮฮาอยู่ในปราสาทชั้นล่าง. พระศาสดา
ตรัสเรียกพระมหาโมคคัลลานะมาแล้วตรัสว่า เธอจงทำภิกษุเหล่านี้
ให้สังเวชสลดใจ. พระเถระเหาะขึ้นไปในอากาศ แล้วเอาปลายนิ้ว
หัวแม่เท้ากระทุ้งยอดปราสาท ทำให้ปราสาทสั่นสะเทือนจนถึงน้ำรอง
แผ่นดินเป็นที่สุด. ภิกษุเหล่านั้นกลัวมรณภัย จึงได้ออกไปยืนข้าง
นอก. ความที่ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้มีปกติเล่นคนองนั้น เกิดปรากฏ
ไปในหมู่ภิกษุทั้งหลาย. อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากัน
ในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุพวกหนึ่งบวชในพระศาสนา
อันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์เห็นปานนี้ ยังพากันเที่ยวเล่นคนอง
เป็นปกติอยู่ ไม่กระทำวิปัสสนากรรมฐานว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอ
นั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบ
แล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน
ภิกษุเหล่านี้ก็เป็นผู้เล่นคะนองเป็นปกติเหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่อง
ในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.