เมนู

6. สาลุกชาดก


อุบายไม่ให้ถูกฆ่า


[457] ท่านอย่าปรารถนาต่อหมูชื่อสาลุกะเลย
เพราะว่าหมูชื่อว่าสาลุกะนี้ บริโภคอาหาร
เป็นเครื่องเดือดร้อน ท่านจงเป็นผู้มีความ
ขวนขวายน้อย เคี้ยวกินแต่ข้าวลีบนี้เถิด
นี้เป็นลักษณะแห่งความอายุยืน.
[458] ในไม่ช้า ราชบุรุษผู้มีบริวารมากนั้น ก็
จะเป็นแขกมาประชุมกัน ณ สถานที่นี้ ใน
กาลนั้นท่านก็จะได้เห็นหมูสาลุกะตัวนี้ อัน
เจ้าของให้ทุบด้วยสากตะลุมพุกนอนตายอยู่.
[459] วัวชราทั้งสองตัวพอเห็นหมูสาลุกะผู้
กล้าหายอันเจ้าของทุบด้วยสากตะลุมพุก
นอนตายอยู่ ก็คิดร่วมกันว่า ข้าวลีบเท่านั้น
เป็นอาหารอย่างสูงสุดของเรา.

จบ สาลุกชาดกที่ 6

อรรถกถาสาลุกชาดกที่ 6


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ
การประเล้าประโลมของนางถูลกุมาริกา จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า
มา สาลุกสฺส ปิหยิ ดังนี้.
เรื่องการประเล้าประโลมของนางกุมาริกานั้น จักมีแจ้งใน
จูฬนารทกัสสปชาดก. แต่ในที่นี้พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า
ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอกระสันขึ้นแล้วจริงหรือ ? ภิกษุนั้น กราบ-
ทูลว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสถามว่า ใครทำให้เธอ
กระสันขึ้นมา ? ภิกษุนั้นกราบทูลว่า นางถูลกุมาริกาพระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ นางถูลกุมาริกา เป็นผู้กระทำความ
ฉิบหายให้แก่เธอ แม้ในกาลก่อน เธอก็ได้เป็นแกงอ่อมของบริษัท
ที่มา ในวันวิวาห์ของนางถูลกุมาริกานี้ อันภิกษุทั้งหลายทูลอาราธนา
แล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นโคผู้ชื่อว่ามหาโลหิต ส่วนน้องชายของ
พระโพธิสัตว์นั้น ได้เป็นโคผู้ชื่อว่า จุลลโลหิต. โคทั้งสองตัวนั้นทำ
งานในตระกูลหนึ่งในหมู่บ้าน. ตระกูลนั้น มีนางกุมาริกาคนหนึ่งกำลัง
เจริญวัย. ตระกูลอื่นได้ขอนางกุมาริกานั้น. ครั้งนั้นตระกูลนั้นคิดว่า
ในกาลวิวาหมงคลจักมีแกงอ่อม จึงปรนเปรอสุกรชื่อว่าสาลุกะด้วย