เมนู

8. กิงสุโกปมชาดก



คนไม่รู้ธรรมด้วยญาณย่อมสงสัยในธรรม


[346] ท่านทุกคนเห็นต้นทองกวาวแล้ว ยังจะ
สงสัยในต้นทองกวาวนั้นเพราะเหตุไรหนอ ท่าน
ทั้งหลายหาได้ถามนายสารถีให้ถี่ถ้วนในที่ทั้งปวง
ไม่.
[347] บุคคลเหล่าใดยังไม่รู้ธรรมทั้งหลาย ด้วย
ญาณทั้งปวง บุคคลเหล่านั้นแล ย่อมสงสัยใน
ธรรมทั้งหลาย เหมือนพระราชบุตร 4 พระองค์
ทรงสงสยในต้นทองกวาว ฉะนั้น.

จบ กิงสุโกปมชาดกที่ 8

อรรถกถากิงสุโกปมชาดกที่ 8



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภกิงสุโกปมสูตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
สพฺเพหิ กึสุโก ทิฏฺโฐ ดังนี้
ได้ยินว่า ภิกษุ 4 รูปเข้าไปเฝ้าพระตถาคตทูลขอกรรมฐาน
พระศาสดาทรงบอกกรรมฐานแก่ภิกษุเหล่านั้น. ภิกษุเหล่านั้น
เรียนกรรมฐานไปสู่ที่พักกลางคืนที่พักกลางวัน. ในภิกษุเหล่านั้น

ภิกษุรูปหนึ่งกำหนดผัสสายตนะ 6 บรรลุพระอรหัตแล้ว. รูปหนึ่ง
กำหนดขันธ์ 5. รูปหนึ่งกำหนดมหาภูต 4. รูปหนึ่งกำหนด
ธาตุ 18. ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลคุณวิเศษที่ตนบรรลุแด่พระ-
ศาสดา. ในบรรดาภิกษุเหล่านั้นมีรูปหนึ่งเกิดความปริวิตกว่า
กรรมฐานเหล่านั้นมีข้อแตกต่างกัน แต่นิพพานเป็นอย่างเดียว
กัน ภิกษุทั้งหมดบรรลุอรหัตได้อย่างไร. จึงทูลถามพระศาสดา
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุเธอก็ไม่ต่างกันกับพี่น้อง 4 คน
ที่เห็นต้นทองกวาว ภิกษุทั้งหลายกราบทูลอาราธนาว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ทรงแสดงเหตุนี้แก่ข้าพระองค์เถิด
ทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระองค์มีพระโอรส 4 พระองค์. วันนี้โอรสทั้ง
4 ตรัสเรียกสารถีมาตรัสว่า ดูก่อนสหาย พวกเราอยากเห็นต้น
ทองกวาว ท่านจงแสดงต้นทองกวาวมาให้พวกเราดูเถิด. สารถี
รับว่า ดีละ พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จักแสดง แต่ไม่แสดงแก่
ราชบุตรทั้ง 4 พร้อมกัน ให้ราชบุตรองค์ประทับนั่งบนรถไป
ก่อน พาไปในป่าแล้วชี้ให้ดูต้นทองกวาวในเวลาสลัดใบว่า นี้
คือต้นทองกวาว. อีกองค์หนึ่งให้ดูในเวลาออกใบอ่อน อีกองค์
หนึ่งให้ดูเวลาออกดอก อีกองค์หนึ่งให้ดูในเวลาออกผล. ต่อมา
ราชบุตรทั้ง 4 พี่น้องประทับนั่งพร้อมหน้ากัน จึงไต่ถามกัน
ขึ้นว่า ชื่อว่าต้นทองกวาวเป็นเช่นไร. องค์ที่หนึ่งตรัสว่า เหมือน

ตอไหม้ไฟ องค์ที่สองตรัสว่า เหมือนต้นไทร องค์ที่สามตรัสว่า
เหมือนชิ้นเนื้อ องค์ที่สี่ตรัสว่า เหมือนต้นซึก. ทั้ง 4 พระองค์
ไม่ตกลงตามคำของกันและกัน จึงไปเฝ้าพระบิดา ทูลถามว่า
ข้าแต่พระบิดา ชื่อว่าต้นทองกวาวเป็นอย่างไร. เมื่อพระราชา
ตรัสว่า พวกเจ้าว่ากันอย่างไรเล่า. จึงกราบทูลพระราชาตามที่
ถกเถียงกัน. พระราชาตรัสว่า พวกเจ้าแม้ทั้งสี่ได้เห็นต้นทองกวาว
แล้วเป็นแต่สารถีผู้แสดงต้นทองกวาว. พวกเจ้ามิได้ไต่ถามจารไน
ออกไปว่า ในกาลนี้ต้นทองกวาวเป็นเช่นไร. ด้วยเหตุนั้นความ
สงสัยจึงเกิดขึ้นแก่พวกเจ้า ตรัสคาถาแรกว่า :-
ท่านทุกคนเห็นต้นทองกวาวแล้ว ยังจะ
สงสัยในต้นทองกวาวนั้น เพราะเหตุไรหนอ
ท่านทั้งหลายหาได้ถามสารถีให้ถี่ถ้วนในที่
ทั้งปวงไม่.

พระศาสดาทรงแสดงเหตุนี้แล้วตรัสว่า แน่ะภิกษุ เหมือน
อย่างพี่น้องทั้ง 4 เกิดความสงสัยในต้นทองกวาว เพราะมิได้
ไต่ถามให้ถ้วนถี่ฉันใด แม้เธอสงสัยเกิดขึ้นในธรรมนี้ ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน พระองค์ตรัสรู้แล้ว ได้ตรัสคาถาที่ 2 ว่า :-
บุคคลเหล่าใด ยังไม่รู้ธรรมทั้งหลาย ด้วย
ญาณทั้งปวง บุคคลเหล่านั้นแล ย่อมสงสัยใน
ธรรมทั้งปวง เหมือนพระราชบุตร 4 พระองค์

ทรงสงสัยในต้นทองกวาวฉะนั้น.
เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า เหมือนอย่างพี่น้องเหล่านั้น
สงสัยแล้ว เพราะไม่เห็นต้นทองกวาวทุกฐานะ ฉันใด ธรรม
ทั้งปวงแยกประเภทเป็นผัสสะ 6 อายตนะ ขันธ์ ภูต และธาตุ.
ชนเหล่าใดไม่ได้ให้เกิดด้วยวิปัสสนาญาณทั้งปวง คือมิได้แทง
ตลอด เพราะยังไม่ได้บรรลุโสดาปัตติมรรค ชนเหล่านั้นย่อมสงสัย
ในธรรมมี ผัสสะ 6 และอายตนะเป็นต้น เหมือนพี่น้องทั้งสี่
สงสัยในต้นทองกวาวต้นเดียวกันฉันนั้น.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. พระเจ้ากรุงพาราณสีในครั้งนั้น คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถากิงสุโกปมสูตรที่ 8

9. สาลกชาดก



ว่าด้วยสาลกวานร


[348] ดูก่อนพ่อสาลกวานร พ่อเป็นลูกคนเดียว
ของเรา อนึ่ง พ่อจักได้เป็นใหญ่แห่งโภคสมบัติ
ในตระกูลของเรา ลงมาจากต้นไม้เถิด มาเถิดพ่อ
เราจะพากันกลับไปบ้านของเรา.
[349] ท่านสำคัญเราว่าเป็นสัตว์ใจดี จึงได้ตีเรา
ด้วยเรียวไม้ไผ่ เราพอใจอยู่ในป่ามะม่วงที่มีผล
สุก ท่านจงกลับไปบ้านตามสบายเถิด.

จบ สาลกชาดกที่ 9

อรรถกถาสาลกชาดกที่ 9



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระมหาเถระรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่ม
ต้นว่า เอกปุตฺตโก ภวิสฺสติ ดังนี้.
ได้ยินว่า พระมหาเถระนั้นให้กุมารน้อยบรรพชาแล้ว ทำ
ให้ลำบากอยู่ ณ พระเชตวันนั้น. สามเณรนั้นไม่สามารถจะทน
ความลำบากได้จึงสึก. พระเถระไปเกลี้ยกล่อมกุมารน้อยนั้นว่า