เมนู

9. หริตมาตชาดก



ว่าด้วยผู้มีอิสรภาพ


[327] ดูก่อนท่านผู้เป็นบุตรกบเขียว ปลาทั้ง
หลายรุมกัดฉันผู้มีพิษแล่นเร็ว เข้าไปยังปากลอบ
เรื่องนี้ท่านชอบใจหรือ.
[328] บุรุษผู้มีอิสรภาพอยู่เพียงใด ก็ย่ำยีผู้อื่น
ได้อยู่เพียงนั้น คนอื่นมาย่ำยีตนคราวใด คราวนั้น
ผู้ที่ถูกย่ำยีก็ย่ำยีตอบบ้าง.

จบ หริตมาตชาดกที่ 9

อรรถกถาหริตมาตชาดกที่ 9



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
พระเจ้าอชาตศัตรู ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตํ ดังนี้.
ความพิสดารมีว่า พระมหาโกศลพระราชบิดาของพระเจ้า
โกศล พระราชทานพระธิดาแก่พระเจ้าพิมพิสาร ได้ประทาน
หมู่บ้านกาสีเป็นค่าสรงสนานแก่พระธิดา. พระเทวีนั้นเมื่อ
พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาตกรรม ก็ได้สิ้นพระชนม์เพราะ
ความเสน่หาต่อพระราชาไม่นานนัก. พระเจ้าอชาตศัตรูแม้
เมื่อพระชนนีสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็คงครองบ้านนั้นอยู่ตามเดิม

พระเจ้าโกศลทรงดำริว่า เราจักไม่ให้หมู่บ้านอันเป็นของตระกูล
ของเราแก่โจรผู้ฆ่าบิดา จึงรบกับพระเจ้าอชาตศัตรู. บางคราว
พระเจ้าน้าก็ชนะ บางคราวพระเจ้าหลานก็ชนะ. แต่คราวใด
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงชนะ คราวนั้นก็ทรงโสมนัส ปักธงชัย
บนรถ เข้าไปสู่พระนครด้วยยศอันยิ่งใหญ่. คราวใดทรงปราชัย
คราวนั้นก็ทรงโทมนัส ไม่ให้ใคร ๆ ทราบเลย เสด็จเข้าสู่
พระนคร. อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรม
ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเจ้าอชาตศัตรูทรงชนะพระเจ้าน้า
แล้วดีพระทัย ทรงปราชัยก็ทรงโทมนัส.
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่
แต่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนพระเจ้าอชาตศัตรูนั้น ทรงชนะ
แล้วก็ดีพระทัย ทรงปราชัยแล้วก็ทรงโทมนัสเหมือนกัน แล้ว
ทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในกำเนิดกบเขียว. ครั้งนั้น
มนุษย์ทั้งหลายได้ดักลอบเพื่อต้องการจะจับปลาในที่มีแม่น้ำ
และลำธารเป็นต้น. มีปลาเป็นอันมากเข้าไปติดอยู่ในลอบใบหนึ่ง.
ครั้งนั้นมีงูปลาตัวหนึ่ง จะกินปลาจึงเข้าไปสู่ลอบนั้น. ปลาเป็น
อันมากรวมกันเข้าไปกัดงูตัวนั้นจนเลือดออกนอง. งูปลาไม่เห็น

ที่พึ่ง กลัวตายจึงหนีออกทางปากลอบ ได้รับความเจ็บปวด
นอนอยู่บนพื้นน้ำ. ในขณะนั้น กบเขียวขึ้นไปเกาะบนหลักลอบ
งูเมื่อไม่ได้ที่จะตัดสินความ เห็นกบนอนอยู่บนหลักลอบนั้น
เมื่อจะถามว่า ดูก่อนสหายกบ กิริยาของพวกปลาเหล่านี้ ท่าน
พอใจบ้างไหม ได้กล่าวคาถาแรกว่า :-
ดูก่อนท่านผู้เป็นบุตรกบเขียว ปลาทั้ง
หลายรุมกัดฉันผู้มีพิษแล่นเร็ว เข้าไปยังปากลอบ
เรื่องนี้ท่านชอบใจหรือ.

ลำดับนั้นกบเขียวจึงกล่าวกะงูว่า ดูก่อนสหาย ถูกแล้ว
ข้าพเจ้าพอใจ เพราะอะไร เพราะหากพวกปลามาถึงถิ่นของท่าน
ท่านก็ย่อมกิน ฝ่ายพวกปลาก็ย่อมกินท่านผู้ไปอยู่ถิ่นของตน
อันการจะอ่อนกำลังในถิ่นหากิน ในที่เป็นแดนของตน ๆ ย่อม
ไม่มี ได้กล่าวคาถาที่ 2 ว่า :-
บุรุษผู้มีอิสรภาพอยู่เพียงใดก็ย่ำยีผู้อื่น
ได้อยู่เพียงนั้น คนอื่นมาย่ำยีตนคราวใด คราวนั้น
ผู้ที่ถูกย่ำยีก็ย่ำยีตอบบ้าง.

ในบทเหล่านั้น บทว่า วิลุมฺปเตว ฯเปฯ อุปกปฺปติ ความว่า
ความมีอิสรภาพย่อมสำเร็จ ย่อมเป็นไปแก่บุรุษเพียงใด เขา
ย่อมย่ำยีผู้อื่นได้เพียงนั้น. อธิบายว่า บุรุษนั้นสามารถย่ำยีได้
ตลอดกาล. บทว่า ยทา จญฺเญ วิลุมฺปนฺติ คือ คนอื่นที่มีอิสรภาพ

มาย่ำยีตนคราวใด. บทว่า โส วิลุตฺโต วิลุมฺปติ ความว่า คราว
นั้นผู้ย่ำยีนั้นย่อมถูกย่ำยี.
เมื่อพระโพธิสัตว์วินิจฉัยคดีแล้ว ฝูงปลารู้ว่างูปลาอ่อน
กำลัง คิดว่าจักจับศัตรูจึงกรูกันออกจากปากลอบทำให้งูปลา
ตายในที่นั้นเอง แล้วต่างก็หลีกไป.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. งูปลาในครั้งนั้นได้เป็นพระเจ้าอชาตศัตรูในครั้งนี้.
ส่วนกบเขียว คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาหริตมาตชาดกที่ 9

10. มหาปิงคลชาดก



ว่าด้วยพระเจ้าปิงคละผู้ร้ายกาจ


[329] ชนทั้งปวงถูกพระเจ้าปิงคละเบียดเบียน
แล้ว เมื่อพระเจ้าปิงคละนั้นสวรรคตแล้ว ชนทั้ง
หลายก็ได้ความยินดี ดูก่อนนายประตู พระเจ้า
ปิงคละผู้ไม่มีพระเนตรดำ เป็นที่รักของท่านหรือ
เพราะเหตุไรจึงได้ร้องไห้หนอ.
[330] พระเจ้าปิงคละผู้ไม่มีเนตรดำ จะเป็นที่รัก
ของข้าพเจ้าก็หามิได้ แต่ข้าพเจ้ากลัวว่าพระเจ้า
ปิงคละนั้นจะกลับเสด็จมาอีก พระเจ้าปิงคละ
เสด็จไปจากมนุษยโลกนี้แล้ว ก็จะเบียดเบียน
พระยามัจจุราช พระยามัจจุราชนั้นถูกพระเจ้า
ปิงคละเบียดเบียนแล้ว ก็จะพึงนำมาส่งมนุษยโลก
นี้อีก.
[331] พระเจ้าปิงคละนั้น พวกเราช่วยกันเผา
แล้ว ด้วยฟืนพันเล่มเกวียน รดด้วยน้ำหลายร้อย
หม้อ พื้นที่ดินนั้นเราป้องกันไว้อย่างดีแล้ว ท่าน
อย่ากลัวเลย พระเจ้าปิงคละจักไม่เสด็จกลับมา
อีก.

จบ มหาปิงคลชาดกที่ 10