เมนู

8. สีหโกฏฐุกชาดก



ตัวเหมือนราชสีห์แต่เสียงไม่เหมือน


[225] ราชสีห์ตัวหนึ่ง นิ้วก็นิ้วราชสีห์ เล็บก็
เล็บราชสีห์ ยืนก็ยืนด้วยเท้าราชสีห์ มีอยู่ตัวเดียว
ในหมู่ราชสีห์ ย่อมบรรลือด้วยเสียงอีกอย่างหนึ่ง.
[226] ดูก่อนเจ้าผู้เป็นบุตรแห่งราชสีห์ เจ้าอย่า
บรรลือเสียงอีกเลย จงมีเสียงเบา ๆ อยู่ในป่า
เขาทั้งหลายพึงรู้จักเจ้าด้วยเสียงนั่นแหละ เพราะ
เสียงของเจ้า ไม่เหมือนกับเสียงราชสีห์ผู้เป็น
บิดา.

จบ สีหโกฏฐุกชาดกที่ 8

อรรถกถาสีหโกฏฐุกชาดกที่ 8



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระโกกาลิกะตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
สีหงฺคุลี สีหนโข ดังนี้.
ได้ยินว่าวันหนึ่งพระโกกาลิกะ เมื่อพระผู้เป็นพหูสูตหลาย
รูปกำลังสนทนาธรรมกันอยู่ ตนเองประสงค์จะกล่าวบ้าง. เรื่อง
ทั้งหมดพึงพิสดารโดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังนั้นแล.

พระศาสดาครั้นทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงรับสั่งว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย โกกาลิกะเปิดเผยด้วยเสียงของตนมิใช่ในบัดนี้
เท่านั้น แม้แต่ก่อนก็เปิดเผย แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ถือกำเนิดเป็นราชสีห์อยู่
อาศัยในหิมวันตประเทศ สมจรกับนางสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง
จึงได้ลูก. ลูกตัวนั้นเหมือนกับพ่อด้วยอาการเหล่านี้คือ นิ้ว เล็บ
สร้อยคอ สี และสัณฐาน แต่เสียงเหมือนแม่. อยู่มาวันหนึ่ง
เมื่อฝนตกขาดเม็ดแล้ว พวกราชสีห์. เมื่อเหล่าราชสีห์บรรลือ
สีหนาทเล่นหยอกกันอยู่ มันก็ต้องการบรรลือสีหนาทในระหว่าง
เหล่าราชสีห์นั้นบ้าง จึงเปล่งเสียงเหมือนแม่สุนัขจิ้งจอก. ครั้น
ฝูงราชสีห์ได้ฟังเสียงของมัน จึงพากันนิ่ง. ลูกราชสีห์ร่วมชาติ
ของพระโพธิสัตว์อีกตัวหนึ่ง ได้ยินเสียงของมันแล้ว จึงพูดว่า
พ่อราชสีห์ตัวนี้เหมือนเราด้วยสีเป็นต้น แต่เสียงของมัน ไม่ยัก
เหมือน มันเป็นสัตว์ประเภทไหน เมื่อจะถามจึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
ราชสีห์ตัวนั้น นิ้วก็นิ้วราชสีห์ เล็บก็เล็บ
ราชสีห์ ยืนก็ยืนด้วยเท้าราชสีห์ มีอยู่ตัวเดียว
ในหมู่ราชสีห์ ย่อมบรรลือด้วยเสียงอีกอย่างหนึ่ง.

ในบทเหล่านั้น บทว่า สีหปาทปติฏฺฐิโต ได้แก่ ยืนด้วย
เท้าของราชสีห์นั่นเอง. บทว่า เอโก นทติ อญฺญถา ความว่า

ตัวเดียวเท่านั้น ออกเสียงเหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่เหมือนพวก
ราชสีห์เหล่าอื่น ชื่อว่าบรรลือด้วยเสียงอีกอย่างหนึ่ง.
พระโพธิสัตว์ได้สดับคำนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า ดูก่อนลูกสัตว์
นี้เป็นพี่น้องของลูก เป็นลูกของนางสุนัขจิ้งจอก มีรูปเหมือนเรา
มีเสียงเหมือนแม่ แล้วจึงเรียกลูกนางสุนัขจิ้งจอกมาสั่งสอนว่า
นี่แน่ลูก ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเจ้าจะอยู่ในที่นี้ จงอยู่เงียบ ๆ ถ้าเจ้า
เปล่งเสียงอีก ราชสีห์ทั้งหลายจะรู้ว่าเจ้าเป็นสุนัขจิ้งจอก จึง
กล่าวคาถาที่ 2 ว่า :-
ดูก่อนเจ้าผู้เป็นบุตรราชสีห์ เจ้าอย่า
บรรลือเสียงอีกเลย จงมีเสียงเบา ๆ อยู่ในป่า
เขาทั้งหลายพึงรู้จักเจ้าด้วยเสียงนั้นแหละ เพราะ
เสียงของเจ้าไม่เหมือนกับเสียงราชสีห์ผู้เป็นพ่อ.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ราชปุตฺต คือ ลูกพญาสีหมฤค.
ก็และลูกสุนัขจิ้งจอกนั้นครั้นฟังคำสอนนี้แล้วก็ไม่กล้าเปล่งเสียง
อีกต่อไป.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้นได้เป็น โกกาลิกะ ในครั้งนี้. ลูก
ราชสีห์ร่วมชาติได้เป็นราหุล ส่วนพญามฤค คือเราตถาคต
นี้แล.
จบ อรรถกถาสีหโกฏฐุกชาดกที่ 8

9. สีหจัมมชาดก



ลาปลอมเป็นราชสีห์


[227] นี่ไม่ใช่เสียงบรรลือของราชสีห์ ไม่ใช่
เสียงบรรลือของเสือโคร่ง ไม่ใช่เสียงบรรลือ
ของเสือเหลือง ลาผู้ลามกคลุมตัวด้วยหนัง
ราชสีห์บรรลือเสียง.
[228] ลาเอาหนังราชสีห์คลุมตัว เที่ยวกินข้าว
เหนียวนานมาแล้ว ร้องให้เขารู้ว่าเป็นตัวลา ได้
ประทุษร้ายตนเองแล้ว.

จบ สีหจัมมชาดกที่ 9

อรรถกถาสีหจัมมชาดกที่ 9



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระโกกาลิกะนั่นแล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า เนตํ สีหสฺส นทิตํ ดังนี้.
ในเวลานั้นพระโกกาลิกะประสงค์จะกล่าว สรภัญญะ.
พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลชาวนา ครั้นเจริญ