เมนู

4. ทุพภิยมักกฏชาดก



ว่าด้วยการคบคนชั่ว


[197] เราได้ให้น้ำเป็นอันมากแก่เจ้า ผู้ถูกความ
ร้อนแผดเผา หิวกระหายอยู่ บัดนี้เจ้าได้ดื่มน้ำแล้ว
ยังหลอกล้อเปล่งเสียงว่ากิกิอยู่ได้ การคบหากับ
คนชั่วไม่ประเสริฐเลย.
[198] ท่านได้ยินหรือได้เห็นมาบ้างหรือว่า ลิง
ตัวไหนชื่อว่าเป็นสัตว์มีศีล เราจะถ่ายอุจจาระ
รดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แล้วจึงจะไป นี่เป็นธรรมดา
ของพวกเรา.

จบ ทุพภิยมักกฏชาดกที่ 4

อรรถกถาทุพภิยมักกฏชาดกที่ 4



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันทรงปรารภ
พระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อทมฺมิ เต วาริ
พหุตฺตรูปํ
ดังนี้.
ความพิสดารมีอยู่ว่า วันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากัน
ในโรงธรรมถึงความอกตัญญู ความประทุษร้ายมิตรของพระ-
เทวทัต. พระศาสดารับสั่งว่า เทวทัตเป็นผู้อกัตญญูประทุษร้าย

มิตร มิใช่ในบัดนี้เท่านั้นแม้เมื่อก่อนก็ได้เป็นเช่นนี้ แล้วทรง
นำเรื่องในอดีตมาเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ชาวบ้าน
กาสีแห่งหนึ่ง ครั้นเจริญวัย ดำรงตนเป็นฆราวาส. ก็สมัยนั้น
ได้มีบ่อน้ำลึกบ่อหนึ่งอยู่ที่ทางใหญ่ชัน ในแคว้นกาสี สัตว์ดิรัจฉาน
ทั้งหลายข้ามไม่ได้. พวกมนุษย์ผู้ปรารถนาบุญเดินมาทางนั้น
ใช้กระบอกมีสายยาวตักน้ำใส่ขังเต็มรางแห่งหนึ่ง ให้สัตว์
ดิรัจฉานดื่ม รอบบ่อนั้นเป็นป่าใหญ่. ลิงเป็นอันมากอาศัยอยู่
ในป่านั้น. ต่อมาที่ทางนั้น ขาดผู้คนสัญจรไปมาสองสามวัน.
สัตว์ดิรัจฉานจึงไม่ได้ดื่มน้ำ. ลิงตัวหนึ่งกระหายน้ำเต็มที่
เที่ยวหาน้ำดื่มในที่ใกล้บ่อน้ำ. พระโพธิสัตว์เดินไปถึงทางนั้น
ด้วยกิจธุระอย่างหนึ่ง จึงตักน้ำในบ่อนั้นดื่มล้างมือและเท้า เห็น
ลิงตัวนั้น ทราบว่ามันกระหายน้ำ จึงตักน้ำใส่รางให้มันดื่ม
ครั้นให้เสร็จแล้ว คิดจะพักผ่อนจึงนอนลงที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
ส่วนลิงครั้นดื่มน้ำแล้วนั่งอยู่ไม่ไกล ทําหน้าล่อกแล่กหลอกพระ-
โพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์เห็นกิริยาของมัน จึงกล่าวว่า อ้ายวายร้าย
ลิงอัปรีย์ เมื่อเองกระหายน้ำเหน็ดเหนื่อยมา ข้าก็ให้น้ำเองดื่ม
บัดนี้เองทำหน้าล่อกแล่กหลอกข้าได้ น่าอนาถใจที่ข้าช่วยเหลือ
สัตว์ชั่ว ๆ ไม่มีประโยชน์เลย แล้วกล่าวคาถาแรกว่า :-

ข้าได้ให้น้ำเป็นอันมากแก่เองผู้ถูกความ
ร้อนแผดเผาหิวกระหาย บัดนี้เจ้าได้ดื่มน้ำแล้ว
ยังหลอกล้อทำเสียงครอก ๆ อยู่ได้ การคบหา
กับคนชั่วไม่ประเสริฐเลย.

ในบทเหล่านั้น บทว่า โสทานิ ปิตฺวาน กิกึ กโรสิ ความว่า
บัดนี้เจ้าดื่มน้ำที่ข้าให้แล้วยังทำหน้าล่อกแล่กส่งเสียงครอก ๆ
อยู่ได้. บทว่า น สงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโย ความว่า การคบหา
กับคนชั่วไม่ดีเลย ไม่คบนั่นแหละดีกว่า.
ลิงผู้ประทุษร้ายมิตร ครั้นได้ยินดังนั้นแล้วจึงกล่าวว่า
ท่านอย่าสำคัญว่า เราทำเพียงเท่านี้แล้วจะเสร็จสิ้น บัดนี้เราจะ
ถ่ายคูถรดศีรษะท่านก่อนแล้วจึงไป แล้วกล่าวคาถาที่ 2 ว่า :-
ท่านได้ยินหรือได้เห็นมาบ้างหรือว่า ลิง
ตัวไหนชื่อว่าเป็นสัตว์มีศีล เราจะถ่ายอุจจาระ
รดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แล้วจึงจะไป นี้เป็นธรรมดา
ของพวกเรา.

ความย่อในคาถานั้นมีดังนี้ ท่านพราหมณ์ ท่านได้ยิน
หรือได้เห็นที่ไหนว่า ลิงรู้คุณคน มีมารยาท มีศีล มีอยู่. เรา
จะถ่ายคูถรดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แหละแล้วจึงจะไป. นี้เป็นธรรมดา
นี้เป็นสภาพโดยกำเนิดของพวกข้าพเจ้า ผู้ชื่อว่าเป็นลิง คือ
ถ่ายคูถรดหัวผู้มีอุปการะ.

พระโพธิสัตว์ครั้นได้ยินดังนั้น จึงเตรียมจะลุกไป. ขณะ
นั้นเองลิงกระโดดจับกิ่งไม้ทําคล้ายจะห้อยโหน ถ่ายคูถรดศีรษะ
พระโพธิสัตว์แล้วร้องเข้าป่าไป. พระโพธิสัตว์อาบน้ำชำระกาย
แล้วจึงกลับไป.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตไม่รู้จักคุณ
มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ไม่รู้จักคุณที่เราทำไว้เหมือนกัน
แล้วทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประชุมชาดก. ลิงในครั้ง
นั้นได้เป็นเทวทัตในครั้งนี้ ส่วนพราหมณ์ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาทุพภิยมักกฏชาดกที่ 4

5. อาทิจจุปัฏฐานชาดก



ว่าด้วยลิงไหว้พระอาทิตย์


[199] ได้ยินว่า ในบรรดาสัตว์ทั้งปวง สัตว์ผู้
ตั้งมั่นอยู่ในศีลมีอยู่ ท่านจงดูลิงผู้ลามกยืนไหว้
พระอาทิตย์อยู่เถิด.
[200] ท่านทั้งหลายไม่รู้จักปกติของมัน เพราะ
เหตุไม่รู้จึงได้พากันสรรเสริญ ลิงตัวนี้มันเผา
โรงไฟเสีย และทุบต่อยคนโทน้ำเสียสองใบ.
จบ อาทิจจุปัฏฐานชาดกที่ 5

อรรถกถาอาทิจจุปัฏฐานชาดกที่ 5



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภ
ภิกษุหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า
สพฺเพสุ กิร ภูเตสุ ดังนี้.
เรื่องราวเหมือนกับที่กล่าวแล้วในหนหลัง.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณี. พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี
ครั้นเจริญวัยศึกษาศิลปะในเมืองตักศิลา บวชเป็นฤๅษี ยัง
อภิญญาและสมาบัติให้เกิด มีบริวารมาก เป็นครูประจำคณะ