เมนู

ปุโรหิตนั้นจึงไปหาพวกชาวประมงแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย พวกท่าน
ไม่ให้ปลาเราเพื่อทำกับข้าว แม้สักวัน. ชาวประมงทั้งหลายกล่าวว่า นาย
ท่านพูดอะไร ท่านจงเลือกเอาปลาที่ท่านชอบใจไปเถิด. ปุโรหิตกล่าวว่า เรา
ไม่มีการงานกับผู้อื่น พวกท่านจงให้เฉพาะปลาตัวนี้เท่านั้น. พวกชาวประมง
กล่าวว่า เอาไปเถอะนาย. พระโพธิสัตว์เอามือทั้งสองจับปลานั้นไปนั่งที่ฝั่ง
แม่น้ำกล่าวสอนว่า ปลาผู้เจริญ วันนี้ ถ้าเราไม่เห็นเจ้า เจ้าจะต้องถึงแก่ความ
ตาย ตั้งแต่บัดนี้ไป เจ้าอย่าได้ตกอยู่ในอำนาจของกิเลสเลย แล้วปล่อยไปใน
น้ำ ในเองเข้าไปยังนคร.
พระศาสดาครั้น ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ
ทั้งหลาย. ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึกตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. ฝ่าย
พระศาสดาได้ทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า นางปลาในครั้งนั้น ได้เป็น
ภรรยาเก่าในบัดนี้ ปลาในครั้งนั้น ได้เป็นภิกษุผู้กระสันในบัดนี้
ส่วนปุโรหิตในครั้งนั้น ได้เป็นเราเองแล.

จบมัจฉชาดกที่ 4

5. วัฏฏกชาดก



ว่าด้วยความจริง



[35] ปีกของเรามีอยู่ แต่ก็บินไม่ได้ เท้า
ทั้งสองของเราก็มีอยู่ แต่ก็เดินไม่ได้ มารดาและบิดา
ของเราออกไปทาอาหาร ดูก่อนไฟ ท่านจงถอยกลับ
ไปเสีย.

จบวัฏฏกชาดกที่ 5

5. อรรถกถาวัฏฏกชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จเที่ยวจาริกไปในมคธชนบททั้งหลาย ทรงปรารภ
การดับไฟป่า จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า สนฺติ ปกฺขา ดังนี้.
ความพิศดารว่า สมัยหนึ่ง พระศาสดาเมื่อเสด็จเที่ยวจาริกไปในมคธ
ชนบททั้งหลาย ได้เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้านชาวมคธแห่งหนึ่ง เสด็จ
กลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต อันหมู่ภิกษุสงฆ์แวดล้อม เสด็จดำเนินสู่ทาง.
สมัยนั้น ไฟป่าเป็นอันมากตั้งขึ้น ภิกษุเป็นอันมากเห็นทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
ไฟแม้นั้นแล มีควันเป็นกลุ่มเดียว มีเปลวเป็นกลุ่มเดียว กำลังลุกลามมาอยู่
ทีเดียว บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุปุถุชนพวกหนึ่งกลัวต่อมรณภัย กล่าวว่า
พวกเราจะจุดไฟตัดทางไฟ ไฟที่ไหม้มาจักไม่ไหม้ท่วมทับที่ที่ไฟนั้นไหม้แล้ว
จึงนำหินเหล็กไฟออกมาจุดไฟ. ภิกษุอีกพวกหนึ่งกล่าวว่า ท่านผู้มีอายุ พวก
ท่านกระทำกรรมชื่ออะไร พวกท่านไม่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบุคคล
ผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ผู้เสด็จไปพร้อมกับในนั่นเอง เหมือนคนไม่เห็น
ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่ในท้องฟ้า ไม่เห็นดวงอาทิตย์ประดับ ด้วยรัศมีตั้งพันกำลัง
ขึ้นจากโลกธาตุด้านทิศตะวันออก เหมือนคนยืนอยู่ที่ริมฝั่งทะเลไม่เห็นทะเล
เหมือนคนยืนพิงเขาสิเนรุไม่เห็นเขาสิเนรุฉะนั้น พากันพูดว่า จะจุดไฟตัดทางไฟ
ชื่อว่า พระกำลังของพระพุทธเจ้า พวกท่านไม่รู้ มาเถิดท่าน พวกเราจักไปยัง
สำนักของพระศาสดา. ภิกษุเหล่านั้นเมื่อไปทั้งข้างหน้าและข้างหลัง แม้ทั้งหมด
ได้รวมกันไปยังสำนักของพระทศพล พระศาสดามีภิกษุหมู่ใหญ่เป็นบริวาร
ได้ประทับยืนอยู่ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง ไฟป่าไหม้เสียงดังมาเหมือนจะท่วมทับ
ครั้น มาถึงที่ที่พระตถาคตประทับยืน พอถึงที่ประมาณ 16 กรีส รอบประเทศ