เมนู

พระโพธิสัตว์ให้สหายเหล่านั้นยินยอมกันด้วยประการอย่างนี้. ฝ่าย
พระศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน เราก็ตอบปัญหานี้
แก่เธอทั้งหลายแล้ว ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศ
สัจจะทั้งหลาย ในเวลาจบสัจจะ พระเถระแม้ทั้งสองเหล่านั้นก็ดำรงอยู่ใน
พระโสดาปัตติผล. แม้พระศาสดาก็ทรงสืบอนุสนธิแล้วประชุมชาดกว่า
เสือโคร่งในครั้งนั้น ได้เป็นพระกาฬะ ราชสีห์ในครั้งนั้น ได้เป็น
พระชุณหะ ส่วนดาบสผู้แก้ปัญหาในครั้งนั้น ได้เป็นเราแล.

จบมาลุตชาดกที่ 7

8. มตกภัตตชาดก



ว่าด้วยสัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์



[18] ล่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้อย่างนี้ว่า ชาติสมภพนี้เป็น
ทุกข์ สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ เพราะว่าผู้มีปกติฆ่าสัตว์
ย่อมเศร้าโศก.

จบมตกภัตตชาดกที่ 8

8. อรรถกถามตกภัตตชาดก



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภมตกภัตจึง
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า เอวญฺเจ สตฺตา ชาเนยฺยุํ ดังนี้.
ความพิสดารว่า ในกาลนั้น มนุษย์ทั้งหลาย ฆ่าแพะเเป็นต้น เป็น
อันมาก ให้มตกภัตอุทิศญาติทั่งหลายที่ตายไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายเห็นมนุษย์
เหล่านั้นการทำอย่างนั้น จึงทูลถามพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้
มนุษย์ทั้งหลายทำสัตว์มีชีวิตเป็นอันมากให้ถึงความสิ้นชีวิต แล้วให้ชื่อว่า
มตกภัต ความเจริญในการให้มตกภัตนี้มีอยู่หรือ พระเจ้าข้า ? พระศาสดาตรัส
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าความเจริญอะไร ๆ ในปาณาติบาต แม้ที่เขากระทำ
ด้วยคิดว่า พวกเราจักให้มตกภัต ดังนี้ ย่อมไม่มี แม้ในกาลก่อน บัณฑิต
ทั้งหลายนั่งในอากาศ แสดงธรรมกล่าวโทษในการทำปาณาติบาตนี้ ให้ชนชาว
ชมพูทวีปทั้งสิ้นละกรรมนั่น แต่บัดนี้ กรรมนั่นกลับปรากฏขึ้นอีก เพราะสัตว์
ทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้อยู่ในสังเขปแห่งภพ แล้วทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อ
ไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี
มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ผู้สำเร็จไตรเพทคนหนึ่ง คิดว่าจักให้มตกภัต จึงให้จับ
แพะมาตัวหนึ่ง กล่าวกะอันเตวาสิกทั้งหลายว่า พ่อทั้งหลาย พวกท่านจงนำ
แพะตัวนี้ไปยังแม่น้ำ เอาระเบียบดอกไม้สวมคอ เจิมประดับประดาแล้วนำมา
อันเตวาสิกทั้งหลายรับคำแล้ว พาแพะนั้นไปยังแม่น้ำ ให้อาบน้ำ ประดับแล้ว
พักไว้ที่ฝั่งแม่น้ำ แพะนั้นเห็นกรรมเก่าของตนเกิดความโสมนัสว่า เราจักพ้น
จากทุกข์ชื่อเห็นปานนี้ในวันนี้ จึงหัวเราะลั่น ประดุจต่อยหม้อดิน กลับคิดว่า