เมนู

พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ทรงประทานกุศลสมบัติทั้ง 3 กามาวจรสวรรค์
6 และสมบัติในพรหมโลก แก่อุบาสกเหล่านั้น ด้วยประการดังนี้ ในที่สุดทรง
แสดงอปัณณกปฏิปทานี้ว่า ชื่อว่าปฏิปทาที่ไม่ผิด ให้อรหัตผล. ชื่อว่าปฏิปทา
ที่ผิด ให้การบังเกิดในอบาย 4 และในตระกูลต่ำ 5 แล้วทรงประกาศอริยสัจ
4 โดยอาการ 16 ให้ยิ่งในรูป. ในเวลาจบอริยสัจ 8 อุบาสก 500 คน
แม้ทั้งหมดนั้น ดำรงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล.
พระศาสดา ครั้นทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้แล้ว ทรงแสดงเรื่อง
2 เรื่องสืบอนุสนธิกัน แล้วทรงประมวลชาดกมาแสดงทรงทำพระเทศนาให้จบ
ลงว่า บุตรพ่อค้าเกวียนผู้โง่เขลาในสมัยนั้น ได้เป็น พระเทวทัต ในบัดนี้
แม้บริษัทของบุตรพ่อค้าเกวียนโง่นั้นก็ได้เป็นบริษัทของเทวทัต ในบัดนี้
บริษัทของบุตรพ่อค้าเกวียนผู้เป็นบัณฑิต ในครั้งนั้น ได้เป็นพุทธบริษัทใน
บัดนี้ ส่วนบุตรของพ่อค้าเกวียนผู้เป็นบัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต.
จบอปัณณกชาดกที่ 1

2. วัณณุปถชาดก



ว่าด้วยผู้ไม่เกียจคร้าน



[2] ชนทั้งหลายผู้ไม่เกียจคร้าน ขุดภาคพื้นที่
ทางทราย ได้พบน้ำในทางทรายนั้น ณ ที่ลานกลางแจ้ง
ฉันใดมุนีผู้ประกอบด้วยความเพียรและกำลัง เป็นผู้
ไม่เกียจคร้าน พึงได้ความสงบใจ ฉันนั้น.

จบวัณณปุถชาดกที่ 2

2. อรรถกถาวัณณุปถชาดก



พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อประทับ อยู่ในพระนครสาวัตถี ตรัสพระธรรม
เทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อกิลาสุโน ดังนี้. ถามว่า ทรงปรารภใคร ? ตอบ
ว่า ทรงปรารภภิกษุผู้สละความเพียรรูปหนึ่ง.
ดังได้สดับมา เมื่อพระตถาคตประทับอยู่ในนครสาวัตถี มีกุลบุตร
ชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง ไปพระเชตวันวิหาร สดับพระธรรมเทศนาในสำนัก
ของพระศาสดา มีจิตเลื่อมใส เห็นโทษในกามและอานิสงส์ในการออกจากกาม
จึงบวช อุปสมบทได้ 5 พรรษา เรียนได้มาติกา 2 บท ศึกษาการประพฤติ
วิปัสสนา รับพระกรรมฐานที่จิตของตนชอบ ในสำนักของพระศาสดาเข้าไป
ยังป่าแห่งหนึ่ง จำพรรษา พยายามอยู่ตลอดไตรมาสไม่อาจทำสักว่าโอภาสหรือ
นิมิตให้เกิดขึ้น. ลำดับนั้น ภิกษุนั้น ได้มีความคิดดังนี้ว่า พระศาสดาตรัสบุคคล
4 จำพวก ในบุคคล 4 จำพวกนั้น เราคงจะเป็นปทปรมะ เราเห็นจะไม่มี
มรรคหรือผลในอัตภาพนี้ เราจักกระทำอะไรด้วยการอยู่ป่า เราจักไปยังสำนัก
ของพระศาสดา แลดูพระรูปของพระพุทธเจ้าอันถึงความงามแห่งพระรูปอย่าง
ยิ่ง ฟังพระธรรมเทศนาอันไพเราะอยู่ (จะดีกว่า) ครั้นคิดแล้วก็กลับมายัง
พระเชตวันวิหารนั่นแลอีก.
ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเพื่อนเห็นและคบกัน กล่าวกะภิกษุนั้น
ว่า ดูก่อนอาวุโส ท่านเรียนกรรมฐานในสำนักของพระศาสดาแล้วไปด้วยหวัง
ใจว่า จักกระทำสมณธรรม แค่บัดนี้ มาเที่ยวรื่นรมย์ด้วยการคลุกคลีอยู่ กิจแห่ง
บรรพชิตของท่านถึงพูดแล้วหรือหนอ ท่านจะเป็นผู้ไม่มีปฏิสนธิแลหรือ
ภิกษุนั้น กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย เราไม่ได้มรรคหรือผล จึงคิดว่าเราน้ำ