เมนู

6. เสลเถรคาถา


ว่าด้วยคำชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า


[390] พระเสลเถระเมื่อครั้งยังเป็นพราหมณ์ได้กล่าวชมเชยพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถา 6 คาถา ความว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ผู้ทรงมีพระวิริย-
ภาพ มีพระสรีรกายสมบูรณ์ มีพระรัศมีงดงามชวนให้
น่าดูยิ่งนัก พระฉวีวรรณก็เปล่งปลั่งดังทองคำ พระ-
เขี้ยวแก้วทั้งซ้ายขวาก็สุกใส ด้วยว่าลักษณะแห่งมหาบุรุษ
เหล่าใด ย่อมมีปรากฏแก่พระอริยเจ้า หรือพระบรม-
จักรพรรดิ ผู้เป็นนระเกิดแล้วโดยชอบ ลักษณะแห่ง
มหาบุรุษเหล่านั้น ย่อมมีปรากฏในพระกายของพระองค์
ครบทุกสิ่ง พระองค์มีดวงพระเนตรแจ่มใส พระพักตร์
ผุดผ่อง พระวรกายทั้งสูงทั้งใหญ่และตั้งตรง มีพระเดช
รุ่งโรจน์อยู่ในท่ามกลางแห่งหมู่พระสมณะ ปานดังดวง
อาทิตย์ฉะนั้น พระองค์ทรงเป็นภิกษุที่มีคุณสมบัติงดงาม
น่าชม มีพระฉวีวรรณผุดผ่องงดงามดังทองคำ พระองค์
ทรงสมบูรณ์ด้วยพระวรรณะและพระลักษณะอันอุดมถึง
อย่างนี้ จะมัวเมาเป็นสมณะอยู่ทำไมกัน พระองค์ควรจะ
เป็นพระราชาจักรพรรดิผู้ประเสริฐ ทรงปราบปรามไพรี
ชนะแล้วเสด็จผ่านพิภพ เป็นบรมเอกราชในสากลชมพู-
ทวีป มีสมุทรสาครสี่เป็นขอบเขต ข้าแต่พระโคดม ขอ
เชิญพระองค์เสด็จขึ้นผ่านราชสมบัติ เป็นองค์ราชาธิราช

จอมมนุษย์นิกร ตามพระราชประเพณีของกษัตราธิราช
โดยพระชาติที่ได้เสวยราชย์ อันมีหมู่เสวกามาตย์โดย
เสด็จเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ดูก่อนเสลพราหมณ์ เราเป็นพระราชาอยู่แล้ว คือ
เป็นธรรมราชายอดเยี่ยม เรายังจักรอันใคร ๆ ให้เป็นไป
ไม่ได้ ให้เป็นไปโดยธรรม.

เสลพราหมณ์ได้กราบทูลด้วยคาถา 2 คาถาว่า
ข้าแต่พระโคดม พระองค์ทรงปฏิญาณว่า เป็นพระ-
สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นธรรมราชาผู้ยอดเยี่ยม ทั้งยังได้
ตรัสยืนยันว่า จะทรงยังจักรให้เป็นไปโดยธรรม ใครหนอ
เป็นเสนาบดีของพระองค์ เป็นสาวกผู้ประพฤติตาม
พระองค์ ผู้เป็นพระศาสดา ใครจะประกาศธรรมจักรที่
พระองค์ทรงประกาศแล้ว ให้เป็นไปตามได้.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ดูก่อนเสลพราหมณ์ สารีบุตรผู้อนุชาตบุตรของตถาคต
จะประกาศธรรมจักรอันยอดเยี่ยมที่เราประกาศแล้ว ดู
ก่อนพราหมณ์ เรารู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่งแล้ว เจริญ
ธรรมที่ควรเจริญแล้ว ละธรรมที่ควรละแล้ว เหตุนั้น เรา
จึงเป็นพระพุทธเจ้า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านจงนำความ
เคลือบแคลงในเราออกเสีย จงน้อมใจเชื่อเถิด เพราะ
การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่อง ๆ ที่ปรากฏขึ้นในโลก

เป็นการหาได้ยาก ดูก่อนพราหมณ์ เราเป็นพระพุทธเจ้า
เป็นหมอผ่าตัดลูกศรคือกิเลสชั้นเยี่ยม เราเป็นดังพรหม
ล่วงพ้นการชั่งตวง เป็นผู้ย่ำยีมารและเสนามาร ทำผู้
มิใช่มิตรทุกจำพวกไว้ในอำนาจได้ ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ
เบิกบานอยู่.

เสลพราหมณ์กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอเชิญพระองค์ทรงสดับคำ
ของข้าพระองค์นี้ก่อน พระตถาคตผู้มีพระจักษุเป็นแพทย์
ผ่าตัดลูกศร ทรงมีความเพียรยิ่งใหญ่ ได้ตรัสพระวาจา
เหมือนราชสีห์บันลือสีหนาทในป่า ใครได้เห็นพระองค์
ผู้ประเสริฐดังพรหม ไม่มีใครเสมอเหมือน ทรงย่ำยีมาร
และเสนามารได้แล้ว จะไม่พึงเลื่อมใสเล่า แม้คนที่เกิด
ในเหล่ากอคนดำ ก็ย่อมเลื่อมใส ผู้ใดปรารถนาจะตาม
ฉันมา ก็เชิญตามมา หรือผู้ใดไม่ปรารถนาก็จงกลับไป
เถิด แต่ตัวฉันจะบวชในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้มีพระ-
ปัญญาอย่างประเสริฐนี้ละ.

พอเสลพราหมณ์ผู้อาจารย์พูดจบลง ทันใดนั้นเอง มาณพอันเตวาสิก
300 คนเป็นผู้มุ่งจะบวชเหมือนกัน จึงกล่าวคาถาว่า
ถ้าท่านอาจารย์ชอบใจคำสอน ของพระสัมมสัม-
พุทธเจ้านี้ แม้ข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะพากันบวชในสำนัก
ของพระพุทธเจ้าผู้มีปัญญาอย่างประเสริฐ.

เสลพราหมณ์กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พราหมณ์ 300 คนนี้ พา
กันประฌมอัญชลีทูลขอบรรพชาว่า ข้าพระองค์ทั้งหลาย
จักประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของพระองค์ พระเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ท่านทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด พรหมจรรย์เรากล่าว
ดีแล้ว อันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล
เพราะการบวชในศาสนานี้ ไม่ไร้ผลแก่บุคคลผู้ไม่ประ-
มาทศึกษาอยู่.

ครั้นพระเสลเถระได้บรรลุอรหัตแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า เมื่อจะประกาศอรหัตผลที่ตนได้บรรลุ จึงกล่าวคาถา 4 คาถา
ความว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระจักษุ นับแต่วันที่
ข้าพระองค์ทั้งหลายถึงสรณคมน์ล่วงไปแล้วได้ 7 วัน ครบ
8 วันเข้าวันนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้มีอินทรีย์อันฝึก
แล้ว ในศาสนาของพระองค์ พระองค์เป็นผู้ตื่นแล้วและ
ยังทรงปลุกผู้อื่นให้ตื่นได้อีกด้วย พระองค์เป็นครูผู้สั่งสอน
แก่ทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นจอนปราชญ์ ทรง
ครอบงำมารและเสนามาร ทรงตัดอนุสัยได้แล้ว ทรง
ข้ามห้วงแห่งสังสารวัฏได้แล้ว ทรงยังหมู่สัตว์นี้ให้ข้าม
ห้วงแห่งสังสารวัฏได้ด้วย ทรงก้าวล่วงอุปธิได้แล้ว ทรง
ทำลายอาสวะทั้งหลายได้แล้ว ทรงเป็นผู้ไม่มีความยึดมั่น

ทรงละความขลาดกลัวต่อภัยได้แล้ว เหมือนสีหราชผู้ไม่
ครั่นคร้ามต่อหมู่เนื้อฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า
ภิกษุ 300 รูปเหล่านี้ พากันมายืนประณมอัญชลีอยู่พร้อม
หน้า ขอพระองค์โปรดทรงเหยียดฝ่าพระบาททั้งสองมา
เถิด ภิกษุผู้ประเสริฐทั้งหลายจะขอถวายบังคมพระองค์
ผู้เป็นพระศาสดา.

จบเสลเถรคาถา

อรรถกถาเสลเถรคาถาที่ 6


คาถาของท่านพระเสลเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ
ดังนี้. เรื่องนี้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร ?
ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าปทุมุตตระ พระเถระนี้
บังเกิดในเรือนมีตระกูล พอรู้เดียงสา ได้เป็นหัวหน้าคณะ ชักชวนบุรุษ
300 คน พร้อมกับพวกบุรุษเหล่านั้น ให้สร้างพระคันธกุฎีถวายพระ-
ศาสดา เมื่อสร้างพระคันธกุฎีเสร็จแล้ว บำเพ็ญมหาทานแด่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพร้อมทั้งภิกษุสงฆ์ ให้พระศาสดาและภิกษุทั้งหลายครองไตรจีวร.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาอยู่แต่ในเทวโลกเท่านั้น ตลอดพุทธันดร
หนึ่ง จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในพราหมณคาม ชื่อ
อาปณะ ในอังคุตตราปะชนบท ได้นามว่า เสละ เขาเจริญวัยแล้วเรียน