เมนู

8. องคุลิมาลเถรคาถา


ว่าด้วยการหยุดแล้วจากการทำความชั่ว


[392] พระองคุลิมาลเถระ สมัยเมื่อยังเป็นโจร ได้กล่าวคาถา
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ดูก่อนสมณะ ท่านสิกำลังเดินอยู่ กลับกล่าวว่า เรา
หยุดแล้ว ส่วนข้าพเจ้าหยุดแล้ว ท่านกลับกล่าวว่าไม่
หยุด ดูก่อนสมณะ ข้าพเจ้าขอถามความข้อนี้กะท่าน
ท่านกำลังเดินอยู่ เพราะเหตุไร ท่านจึงกล่าวว่าหยุดแล้ว
ข้าพเจ้าสิหยุดแล้ว ท่านกลับกล่าวว่าไม่หยุด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ดูก่อนองคุลิมาล เราวางอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว
ส่วนท่านสิยังไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย ฉะนั้น เราจึงชื่อ
ว่าหยุดแล้ว ส่วนท่านชื่อว่ายังไม่หยุด.

องคุลิมาลโจรกราบทูลว่า
พระองค์เป็นสมณะที่ชาวโลกกับทั้งเทวโลกบูชาด้วย
เครื่องบูชามากมาย ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เพิ่ง
จะเสด็จมาถึงป่าใหญ่เพื่อโปรดข้าพระองค์โดยกาลนาน
หนอ ข้าพระองค์ได้สดับพระคาถา ซึ่งประกอบด้วย
เหตุผลของพระองค์แล้ว จักละเลิกบาปกรรมตั้งพันเสีย.

พระสังคีติกาจารย์ได้กล่าวคาถาไว้ 2 คาถา ความว่า
ครั้นองคุลิมาลโจรกราบทูลดังนี้แล้ว ก็โยนดาบและ
อาวุธทั้งหมดหญิงลงในหนองน้ำ บ่อน้ำ และในเหว ได้

ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระสุคตเจ้า แล้วทูลขอ
บรรพชากะพระพุทธเจ้า ณ ที่นั้นเอง ทันใดนั้นแล พระ-
พุทธเจ้าประกอบไปด้วยพระมหากรุณา ทรงแสวงหาคุณ
อันยิ่งใหญ่ เป็นศาสดาของโลกกับทั้งเทวโลก ได้ตรัสว่า
จงเป็นภิกษุมาเถิด เท่านี้ความเป็นภิกษุได้มีแก่องคุลิมาล
โจรนั้น ในขณะนั้นทีเดียว.

เมื่อท่านพระองคุลิมาลได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว ได้บรรลุอรหัต
แล้วเสวยวิมุตติสุขอยู่ เกิดปีติโสมนัส ได้กล่าวคาถาด้วยสามารถอุทานนี้
ความว่า
ผู้ใดเคยประมาทในตอนต้น ภายหลังเขาไม่ประมาท
ผู้นั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้ว
จากหมอกฉะนั้น บาปกรรมที่ทำไร้แล้ว อันผู้ใดย่อมปิด
กั้นไว้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือน
พระจันทร์พ้นแล้วจากหมอกฉะนั้น ภิกษุใดแล แม้จะ
ยังหนุ่ม ประกอบความขวนขวายในพระพุทธศาสนา ภิกษุ
นั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้ว
จากหมอกฉะนั้น ก็ผู้ที่เป็นข้าศึกต่อเรา ขอจงพึงธรรม-
กถาที่เราได้ฟังแล้วในสำนักของพระศาสดา ขอจงประ-
กอบความขวนขวายในพระพุทธศาสนา ขอจงคบหากับ
มนุษย์ผู้เป็นสัตบุรุษ ซึ่งถือมั่นแต่ธรรมอย่างเดียว ก็ผู้ที่
เป็นข้าศึกต่อเรา ขอเชิญฟังธรรมของท่านผู้กล่าวสรร-
เสริญความอดทน ผู้มีปกติสรรเสริญความไม่โกรธ ตาม

เวลาอันสมควร และขอจงปฏิบัติตามธรรมอันสมควรแก่
ธรรมนั้นเถิด ขออย่าเบียดเบียนเราและชาวประชาหรือ
ว่าสัตว์อื่นใดเลย พึงบรรลุความสงบอย่างเยี่ยม และพึง
รักษาสัตว์ทั้งปวงให้เป็นเหมือนบุตรที่รักเถิด ก็ชาวนาที่
ต้องการน้ำย่อมไขน้ำไป ช่างศรย่อมดัดลูกศร ช่างไม้ย่อม
ถากไม้ บัณฑิตย่อมฝึกตน คนบางพวกฝึกช้างและม้า
เป็นต้น ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยขอบ้าง ด้วยแส้บาง ส่วน
เราเป็นผู้อันพระศาสดาผู้คงที่ทรงฝึกแล้ว โดยไม่ได้ทรง
ใช้อาชญาและศาสตรา, เมื่อก่อนเรามีชื่อว่า อหิงสกะ ผู้
ไม่เบียดเบียน แต่เรายังเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ วันนี้เราเป็น
ผู้มีชื่อจริง ไม่เบียดเบียนใคร แต่ก่อนเราเป็นโจรลือชา
ทั่วไปว่าองคุลิมาล ถูกห้วงน้ำใหญ่พัดไปจนได้มาพบพระ-
พุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งเข้า ครั้งก่อนเรามีมือเปื้อนด้วยโลหิต
ลือชื่อไปทุกทิศว่าองคุลิมาล แต่บัดนี้ องคุลิมาลได้มาพบ
พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งเข้าแล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่
ภพน้อยภพใหญ่ขึ้นได้แล้ว เราได้ทำกรรมเช่นนั้นอันเป็น
เหตุให้ไปสู่ทุคติเป็นอันมาก จึงต้องมารับผลกรรมที่ทำไว้
แต่บัดนี้ เราบริโภคโภชนะโดยไม่เป็นหนี้ คนพาลผู้มี
ปัญญาทราม ย่อมประกอบตามความประมาท ส่วนนัก
ปราชญ์ ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์
อันประเสริฐสุดฉะนั้น ท่านทั้งหลายอย่าประกอบตาม
ความประมาท อย่าประกอบความสนิทสนมด้วยความ

ยินดีในกาม เพราะว่าผู้ไม่ประมาทเพ่งพินิจอยู่ ย่อมถึง
ความสุขอันไพบูลย์ การที่เรามาสู่สำนักของพระศาสดา
เป็นการมาดีแล้ว มิใช่ว่าเป็นการมาไม่ดี การที่เราคิดจะ
บวชในสำนักของพระศาสดานี้ ก็ไม่ใช่เป็นความคิดที่
เลวเลย เพราะเป็นการเข้าถึงธรรมอันประเสริฐ ในธรรม
ทั้งหลายที่พระศาสดาทรงจำแนกดีแล้ว การที่เรามาสู่
สำนักของพระศาสดานี้ เป็นการมาดีแล้ว มิใช่ว่าเป็น
การมาไม่ดี การที่เราคิดจะมาบวชในสำนักของพระ-
ศาสดานี้ ก็ไม่ใช่เป็นความคิดที่เลวเลย เราได้บรรลุ
วิชชา 3 ตามลำดับ ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
เสร็จแล้ว แต่ก่อนเราอยู่ในป่า โคนไม้ ภูเขา หรือใน
ถ้ำทุก ๆ แห่ง มีใจหวาดเสียวอยู่เป็นนิตย์ เราผู้อันพระ-
ศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้วไม่ไปในบ่วงมาร จะยืน เดิน
นั่ง นอนก็เป็นสุข เมื่อก่อนเรามีเชื้อชาติเป็นพราหมณ์
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ทั้งหลายฝ่าย บัดนี้ เราเป็น
โอรสของพระสุคตศาสดา ผู้เป็นพระธรรมราชา เราเป็น
ผู้ปราศจากตัณหาแล้ว ไม่ถือมั่น คุ้มครองทวาร สำรวม
ดีแล้ว เราตัดรากเหง้าของทุกข์ได้แล้ว บรรลุถึงความสิ้น
อาสวะแล้ว เรามีความคุ้นเคยกับพระศาสดา ทำตามคำ
สอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระอันหนักลง
แล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพขึ้นแล้ว.

จบองคุลิมาลเถรคาถา

อรรถกถาองคุลิมาลเถรคาถาที่ 8


คาถาของท่านพระองคุลิมาลเถระ มีคำเริ่มต้นว่า คจฺฉํ วเทสิ สมณ
ฐิโตมฺหิ
ดังนี้. เรื่องนั้นมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าแต่
ปางก่อน สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งวิวัฏฏะไว้ในภพนั้น ๆ ใน
พุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดเป็นบุตรพราหมณ์นามว่าภัคควะ ผู้เป็นปุโรหิต
ของพระเจ้าโกศลในเมืองสาวัตถี, ในวันที่ท่านเกิด อาวุธนานาชนิดทั่ว
ทั้งพระนครลุกโพลง และพระแสงมงคลของพระราชา ซึ่งวางอยู่บนตั่ง
ที่บรรทมก็ลุกโพลงด้วย พระราชาทรงเห็นดังนั้นทรงกลัวหวาดเสียว
บรรทมไม่หลับ.
ในเวลานั้น ปุโรหิตตรวจดูดาวนักษัตร จึงได้กระทำการตกลงว่า
มีทารกเกิดแล้วในโจโรฤกษ์ ฤกษ์โจร. เมื่อราตรีสว่าง ท่านปุโรหิตเข้า
ไปเฝ้าพระราชา ทูลถามถึงความบรรทมสบาย. พระราชาตรัสว่า จะนอน
สบายมาแต่ไหน อาจารย์ ตอนกลางคืน พระแสงมงคลของฉันลุกโพลง
ข้อนั้นจักมีผลเป็นอย่างไรหนอ. ปุโรหิตกราบทูลว่า อย่าทรงกลัวเลย
พระเจ้าข้า ทารกเกิดในเรือนของข้าพระองค์, ด้วยอานุภาพของทารก
นั้น แม้อาวุธนานาชนิด ทั่วทั้งพระนครก็ลุกโพลง. พระราชาตรัสถามว่า
จักเป็นอย่างไรล่ะ อาจารย์. ปุโรหิตทูลว่า ทารกจักเป็นโจร พระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสถามว่า จักเป็นโจรเที่ยวไปคนเดียว หรือว่าเป็นหัวหน้าคณะ.
ปุโรหิตทูลว่า เป็นโจรเที่ยวไปผู้เดียว พระเจ้าข้า, จักให้พวกข้าพระองค์
ฆ่าเขาไหมพระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า ถ้าเป็นโจรเที่ยวไปคนเดียวไซร้
พวกท่านจงเลี้ยงเขาไว้ก่อน เมื่อจะตั้งชื่อเขา เพราะเหตุที่เขาเมื่อจะเกิด