เมนู

พระสุตตันตปิฎก


ขุททกนิกาย เถรคาถา


เล่ม 2 ภาคที่ 3


ตอนที่ 4



ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


เถรคาถา วีสตินิบาต


1. อธิมุตตเถรคาถา


ว่าด้วยผู้หลุดพ้นย่อมไม่กลัวตาย


[385] พระอธิมุตตเถระถูกพวกโจรจับไว้ มิได้มีความกลัวหวาด
เสียว มีหน้าผ่องใส เมื่อหัวหน้าโจรเห็นดังนั้น เกิดความอัศจรรย์ใจ จึง
ได้กล่าวคาถาสรรเสริญ 2 คาถาว่า
เมื่อก่อน เราจะฆ่าสัตว์เหล่าใดเพื่อบูชายัญ หรือเพื่อ
ปล้นเอาทรัพย์ สัตว์เหล่านั้นหมดอำนาจ เกิดความกลัว
ย่อมพากันหวาดหวั่นและบ่นเพ้อ แต่ความกลัวมิได้มีแก่
ท่านเลย ซ้ำยังมีสีหน้าผ่องใสยิ่งนัก เมื่อภัยใหญ่เห็น
ปานนี้ปรากฏแล้ว เหตุไรท่านจึงไม่คร่ำครวญเล่า.

พระเถระเมื่อจะแสดงธรรม โดยมุ่งการตอบคำถามของนายโจรนั้น
จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ความว่า

ดูก่อนนายโจร ทุกข์ทางใจย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ห่วงใยใน
ชีวิต ความกลัวทั้งปวงอันเราผู้สิ้นสังโยชน์ล่วงพ้นได้แล้ว
เมื่อตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพสิ้นไปแล้ว ความกลัวตายใน
ปัจจุบัน มิได้มีด้วยประการใดประการหนึ่งเลย ดุจบุรุษ
ไม่กลัวความหนัก เพราะวางภาระแล้วฉะนั้น พรหมจรรย์
เราประพฤติดีแล้ว แม้ธรรมเราก็อบรมดีแล้ว เราไม่มี
ความกลัวตาย เหมือนบุคคลไม่กลัวโรคเพราะโรคสิ้นไป
แล้วฉะนั้น พรหมจรรย์เราประพฤติดีแล้ว แม้มรรคเราก็
อบรมดีแล้ว ภพทั้งหลายอันไม่น่ายินดีเราได้เห็นแล้ว
เหมือนบุคคลดื่มยาพิษแล้วบ้วนทิ้งฉะนั้น บุคคลผู้ถึงฝั่ง
แห่งภพ ไม่มีความถือมั่น ทำกิจเสร็จแล้ว หมดอาสวะ
ย่อมยินดี เพราะเหตุความสิ้นอายุ เหมือนบุคคลพ้นแล้ว
จากการถูกประหารฉะนั้น บุคคลผู้บรรลุธรรมอันสูงสุดแล้ว
ไม่มีความต้องการอะไรในโลกทั้งปวง ย่อมไม่เศร้าโศก
ในเวลาตาย ดุจบุคคลออกจากเรือนที่ถูกไฟไหม้ฉะนั้น
สิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งมีอยู่ในโลกนี้ก็ดี ภพที่สัตว์ได้อยู่ในโลก
นี้ก็ดี พระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ได้ตรัสไว้ว่า สิ่ง
ทั้งหมดนี้ไม่เป็นอิสระ ผู้ใดรู้แจ้งธรรมข้อนั้น เหมือนดัง
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ผู้นั้นย่อมไม่ยึดถือภพไร ๆ
ดังบุคคลผู้ไม่จับก้อนเหล็กแดงอันร้อนโชนฉะนั้น เราไม่มี
ความคิดว่า ได้มีมาแล้ว จักมีต่อไป สังขารจักปราศจาก
ไป จะคร่ำครวญไปทำไมในเพราะสังขารนั้นเล่า.