เมนู

2. สาริปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ



ว่าด้วยนางเปรตเคยเป็นมารดาพระสารีบุตร



พระสารีบุตรเถระถามนางเปรตตนหนึ่งว่า
[99] ดูก่อนนางเปรตผู้ผอมมีแต่ซี่โครง ท่าน
เป็นผู้เปลือยกาย มีรูปร่างน่าเกลียด ซูบผอม
มีตัวสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ท่านเป็นใครหรือ
มายืนอยู่ในที่นี้.

นางเปรตนั้นตอบว่า
เมื่อก่อนดิฉันเป็นมารดาของท่าน ในชาติ
อื่น ๆ ดิฉันเข้าถึงเปตวิสัย เพียบพร้อมไปด้วย
ความหิวและความกระหาย เมื่อถูกความหิว
ครอบงำแล้ว ย่อมกินน้ำลาย น้ำตก เสมหะอัน
เขาถ่มทิ้งแล้ว และกินมันเหลวแห่งซากศพที่เขา
เผาอยู่ที่เชิงตะกอน กินโลหิตของหญิงทั้งหลาย
ที่คลอดบุตรและโลหิตแห่งบุรุษทั้งหลายที่ถูก
ตัดมือ เท้า และศีรษะ ที่เป็นแผล กินเนื้อ เอ็น
และข้อมือข้อเท้าเป็นต้นของชายหญิง กินหนอง
และเลือดแห่งปศุสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย ไม่มี
ที่พึ่ง ไม่มีที่อยู่อาศัย นอนบนเตียงของคนตาย

ซึ่งเขาทิ้งไว้ในป่าช้า ลูกเอ๋ย ขอลูกจงให้ทานแล้ว
ทิศส่วนบุญมาให้แม่บ้าง ไฉนหนอ แม่จึงจะพ้น
จากการกินหนองและเลือด.
ท่านพระสารีบุตรเถระผู้มีจิตอนุเคราะห์
ได้ฟังคำของมารดาแล้ว จึงปรึกษากับท่านพระ-
โมคคัลลานเถระ ท่านพระอนุรุทธะ และท่าน
พระกัปปินะ แล้วให้สร้างกุฎี 4 หลัง แล้วถวาย
กุฎี ทั้งข้าวและน้ำแก่สงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง 4 อุทิศ
ส่วนกุศลไปให้มารดา ในทันใดนั้นเอง วิบาก คือ
ข้าว นำและผ้าก็เกิดขึ้น นี้เป็นผลแห่งทักษิณา
ภายหลังนางมีร่างกายบริสุทธิ์สะอาด นุ่งห่ม
ผ้าอันมีค่ายิ่งกว่าผ้าแคว้นกาสี ประดับด้วยวัต-
ถาภรณ์อันวิจิตรเข้าไปหาท่านพระมหาโมคคัล-
ลานเถระ.
ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระจึงถามว่า
ดูก่อนนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่ง
นัก ส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่ ดุจดาว
ประกายพรึก ท่านมีวรรณะเช่นนี้ เพราะกรรม
อะไร อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ เพราะ
กรรมอะไร และโภคะทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นที่
พอใจ ย่อมบังเกิดแก่ท่านเพราะกรรมอะไร ดู

ก่อนนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถาม
ท่าน เมื่อท่านเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ อนึ่ง
ท่านมีอานุภาพรุ่งเรื่องและมีรัศมีกายสว่างไสว
ไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญอะไร.

นางเทพธิดานั้นตอบว่า
เมื่อก่อน ดิฉันเป็นมารดาของท่านพระ
สารีบุตรเถระ ในชาติอื่น ๆ เกิดในเปตวิสัย
เพียบพร้อมไปด้วยความหิวและความกระหาย
เมื่อถูกความหิวครอบงำแล้ว จึงกินน้ำลาย น้ำมูก
เสมหะอันเขาถ่มทิ้งไว้ และกินมันเหลวแห่งซาก
ศพ ที่เขาเผาอยู่บนเชิงตะกอน กินโลหิตของหญิง
ที่คลอดบุตร และโลหิตแห่งบุรุษทั้งหลายซึ่งถูก
ตัดมือ เท้า และศีรษะ ที่เป็นแผล กินเนื้อ เอ็น
ข้อมือและข้อเท้าของชายหญิง กินหนองและ
เลือดของปศุสัตว์และมนุษย์ ดิฉันไม่มีที่พึ่ง ไม่มี
ที่อยู่อาศัย นอนบนเตียงของคนตาย ที่เขาทิ้งไว้
ในป่าช้า ดิฉันเป็นผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ บันเทิง
อยู่ เพราะทานของท่านพระสารีบุตร ข้าแต่ท่าน
ผู้เจริญ ดิฉันมาตรงนี้ เพื่อจะไหว้ท่านพระสารี-
บุตรผู้เป็นนักปราชญ์ มีความกรุณาในโลก.

จบ สาริปุตตเถรมาตุเปติวัตถุที่ 2

อรรถกถาสาริปุตตเถรมาตุเปติวัตถุที่ 2



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร
ทรงปรารภนางเปรตผู้มารดาของท่านพระสารีบุตรเถระ โดยชาติ
ที่ 5 แต่ปัจจุบันชาตินี้ จึงตรัสคาถานี้มีคำเริ่มต้นว่า นคฺคา
ทุพฺพณฺณรูปาสิ
ดังนี้.
วันหนึ่ง ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ท่านพระอนุรุทธะ และท่านพระกัปปินะ ได้อยู่ในราวป่าแห่งหนึ่ง
ไม่ไกลแต่กรุงราชคฤห์. ก็สมัยนั้นแล ในกรุงพาราณสี มีพราหมณ์
คนหนึ่ง เป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก เป็นดุจบ่อที่ดื่มกิน
ของสมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทาง วณิพก และยาจก ได้ให้
สิ่งของมีข้าว น้ำ ผ้า และที่นอนเป็นต้น และเมื่อจะให้ ย่อมปฏิบัติ
ตามความพอใจทุกอย่าง ตามลำดับของการให้มีน้ำล้างเท้า และ
ผ้าเช็ดเท้าเป็นต้น ตามเวลาและตามความเหมาะสมแก่คนผู้มาถึง
แล้ว ๆ. ในเวลาก่อนอาหารได้อังคาสภิกษุทั้งหลายด้วยข้าวและ
น้ำเป็นต้น โดยเคารพ. เธอเมื่อจะไปถิ่นอื่นจึงกล่าวกะภรรยาว่า.
นางผู้เจริญ เธออย่าได้ทำทานวิธีนี้ตามที่บัญญัติให้เสื่อมเสีย
จงหมั่นดำรงไว้โดยเคารพ. ภรรยารับคำแล้ว พอสามีหลีกไป
เท่านั้น ก็ตัดขาดวิธีที่บัญญัติไว้เพื่อภิกษุทั้งหลาย เป็นอันดับแรก
แต่เมื่อคนเดินทางเข้าไปเพื่ออยู่อาศัย ก็แสดงศาลาที่เก่าที่ทอดทิ้ง
ไว้หลังเรือนด้วยคำว่า พวกท่านจงอยู่ที่ศาลานี้. เมื่อคนเดินทาง