เมนู

อุพพรีวรรคที่ 2



1. สังสารโมจกเปติวัตถุ



ว่าด้วยไม่ทำบุญเกิดเป็นนางเปรต



ท่านพระสารีบุตรเถระถามนางเปรตตนหนึ่งว่า
[98] ท่านเป็นผู้เปลือยกาย มีรูปร่างน่าเกลียด
ซูบผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ก่อนนางผู้
ซูบผอมมีแต่ซี่โครง ท่านเป็นใครเล่ามายืนอยู่ใน
ที่นี้.

นางเปรตนั้นตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันเป็นเปรต เข้าถึง
ทุคติเกิดในยมโลก ได้ทำกรรมอันชั่วไว้ จึงจาก
มนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก.

พระเถระถามว่า
ท่านทำกรรมชั่วอะไรด้วยกาย วาจา ใจ
เล่า ท่านจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก เพราะ
วิบากแห่งกรรมอะไร.

นางเปรตนั้นตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชนเหล่าใดเป็นบิดาก็ดี
มารดาก็ดี หรือแม้เป็นญาติ ผู้มีจิตเลื่อมใส พึง

ชักชวนดิฉันว่า จงให้ทานแก่สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ชนผู้อนุเคราะห์แก่ดิฉันเช่นนั้น มิได้มี,
ตั้งแต่นี้ไป ดิฉันจึงเป็นเปรตเปลือยกาย ถูกความ
หิวและความกระหายเบียดเบียน เที่ยวไปเช่นนี้
ตลอด 500 ปี นี่เป็นผลแห่งบาปกรรมของดิฉัน
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ดิฉันมีจิตเลื่อมใสจะขอไหว้
ท่าน ข้าแต่ท่านผู้แกล้วกล้า มีอานุภาพมาก ขอ
ท่านจงอนุเคราะห์แก่ดิฉันเถิด ขอท่านจงให้ทาน
อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจงอุทิศกุศลมาให้ดิฉัน
บ้าง ขอท่านจงเปลื้องดิฉันจากทุคติด้วยเถิด.
ท่านพระสารีบุตรเถระผู้มีใจอนุเคราะห์ รับคำ
ของนางเปรตนั้นแล้ว จึงถวายข้าวคำหนึ่ง ผ้า
ประมาณเท่าฝ่ามือผืนหนึ่ง และน้ำดื่มขันหนึ่ง
แก่ภิกษุรูปหนึ่งแล้ว อุทิศส่วนบุญไปให้นางเปรต
นั้น พอท่านพระสารีบุตรเถระอุทิศส่วนบุญให้
ข้าว น้ำและเครื่องนุ่งห่ม ก็บังเกิดขึ้นทันที นี้เป็น
ผลแห่งทักษิณา ภายหลังนางเปรตนั้นมีร่างกาย
บริสุทธิ์ นุ่งห่มผ้าอันสะอาด มีค่ามากยิ่งกว่าผ้า
แคว้นกาสี มีวัตถาภรณ์อันวิจิตรงดงาม เข้าไปหา
ท่านพระสารีบุตรเถระ.

พระสารีบุตรเถระถามว่า

ดูก่อนนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่ง
นัก ส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่ ดุจดาว
ประกายพรึก ท่านมีวรรณะเช่นนี้ เพราะกรรม
อะไร อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ เพราะ
กรรมอะไร และโภคะทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นที่รัก
แห่งใจ ย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะกรรมอะไร ดู
ก่อนนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก เราขอถามท่าน
ท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ อนึ่ง ท่านมี
อานุภาพอันรุ่งเรือง และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว
ทุกทิศอย่างนี้ เพราะกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้นตอบว่า
เมื่อก่อนดิฉันเป็นเปรต พระคุณเจ้าเป็นมุนี
มีความกรุณาในโลก ได้เห็นดิฉันซูบผอมเหลือง
ถูกความหิวแผดเผา เปลือยกาย มีหนังแตกเป็น
ริ้วรอย เสวยทุกขเวทนา ได้ถวายข้าวคำหนึ่ง ผ้า
ประมาณเท่าฝ่ามือผืนหนึ่ง น้ำดื่มขันหนึ่ง แก่
ภิกษุ แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ดิฉัน ขอท่านจงดู
ผลแห่งข้าวคำหนึ่งที่พระเจ้าถวายแล้ว ดิฉัน
เป็นผู้ประกอบด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา บริโภค
อาหารมีกับข้าวมีรสหลายอย่าง ตั้งพัน ๆ ปี ขอ
พระคุณเจ้าจงดูผลแห่งการถวายผ้าประมาณเท่า

ฝ่ามือ ที่ดิฉันได้รับนี้เถิด ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ
ผ้าในแว่นแคว้นของพระเจ้านันทราชมีประมาณ
เท่าใด ผ้านุ่งผ้าห่มของดิฉันมีมากกว่านั้นอีก คือ
ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าป่าน ผ้าฝ้าย ผ้าแม้เหล่านั้น
ทั้งกว้างทั้งยาว ทั้งมีค่ามาก ห้อยอยู่ในอากาศ
ดิฉันเลือกเอาแต่ผืนที่พอใจนุ่งห่ม ขอพระคุณเจ้า
จงดูผลแห่งการถวายน้ำดื่มขันหนึ่งซึ่งดิฉันได้รับ
อยู่นี้ สระโบกขรณี 4 เหลี่ยมลึก อันบุญกรรม
สร้างให้ดีแล้ว มีน้ำใส มีท่าราบเรียบ มีน้ำเย็น
มีกลิ่นหอม หาสิ่งเปรียบมิได้ ดารดาษไปด้วย
ดอกปทุมและดอกอุบล เต็มไปด้วยน้ำอันดารดาษ
ไปด้วยเกษรบัว ดิฉันปราศจากภัย ย่อมรื่นรมย์
ชื่นชมบันเทิงใจ ข้าแต่พระคุณจ้าผู้เจริญ ดิฉันมา
เพื่อจะไหว้พระคุณเจ้าผู้เป็นมุนี ผู้มีความกรุณา
ในโลก.

จบ สังสารโมจกเปติวัตถุที่ 1

อุพพรีวรรคที่ 2



อรรถกถาสังสารโมจกเปติวัตถุที่ 1



พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภ
นางเปรตตนหนึ่ง ในบ้านชื่อว่า อิฏฐกวดี แคว้นมคธ จึงตรัสคำเริ่มต้น
ว่า นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในแคว้นมคธ ได้มีหมู่บ้าน 2 หมู่ คือ หมู่บ้าน
อิฏฐกวดี และหมู่บ้านทีฆราชิ. ใน 2 หมู่บ้านนั้น มีพวกคนมิจฉา-
ทิฏฐิ. พวกสังสารโมจกะเป็นอันมากอยู่ประจำ. ก็ในอดีตกาล
ในที่สุด 500 ปี มีหญิงคนหนึ่ง บังเกิดในตระกูลสังสารโมจกะ
ตระกูลหนึ่ง ในบ้านอิฏฐกวดีนั้นแหละ ด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ
ฆ่าแมลงชนิดตั๊กแตนเป็นจำนวนมาก แล้วบังเกิดเป็นเปรต.
นางเสวยทุกข์มีความหิวกระหายเป็นต้น ถึง 500 ปี เมื่อ
พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ทรง
ประกาศพระธรรมจักรอันบวร เสด็จเข้าไปอาศัยเมืองราชคฤห์
ประทับอยู่ในพระเวฬุวันโดยลำดับ นางกับมาเกิดในตระกูล
สังสารโมจกะนั้นแล ตระกูลหนึ่ง ในหมู่บ้านอิฏฐกวดี ในเวลา
ที่นางมีอายุ 7-8 ขวบ ได้สามารถเล่นรถกับพวกเด็กหญิงอื่น ๆ
ได้ ท่านพระสารีบุตรเถระ. อาศัยบ้านนั้นนั่นเหละ อยู่ในอรุณวดี-
วิหาร วันหนึ่ง พร้อมด้วยภิกษุ 12 รูป เดินเลยไปตามนางใกล้