เมนู

มิจฺฉา มนํ ปณิธาย ความว่า ตั้งจิตไว้พลาด ด้วยสามารถแห่งมิจฉาทิฏฐิ.
แม้ในบททั้งสองที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน. บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
แสดงถึงเหตุ ในการประพฤติทุจริตอย่างนั้น ของเขา.
บทว่า อปฺปสฺสุโต มีอธิบายว่า เว้นจากสุตะที่จะนำประโยชน์เกื้อกูล
มาให้ตนและผู้อื่น. บทว่า อปุญฺญกโร ความว่า ต่อนั้นไปนั่นเอง จะทำ
ความผิด คือจะมีความชั่วเป็นธรรมดา เพราะความเป็นผู้ไม่ฉลาดในอริยธรรม.
บทว่า อิมสฺมึ อิธ ชีวิเต ความว่า ในชีวิตอันนิดหน่อย ในโลกนี้คือ
มนุษยโลก. สมดังที่ตรัสไว้ว่า ผู้ที่มีชีวิตอยู่ได้นาน ก็อยู่ได้เพียงร้อยปี หรือ
เกินไปเล็กน้อย. และตรัสว่า มนุษย์ทั้งหลายมีอายุน้อย เพราะฉะนั้น ผู้ที่
เป็นพหูสูต มีปัญญา เร่งรีบทำบุญ แล้วจะได้ไปสวรรค์ หรือดำรงอยู่ใน
พระนิพพาน. ส่วนผู้ใดศึกษาน้อย ไม่บำเพ็ญบุญ ผู้นั้นจะเป็นคนมีปัญญาทราม
เข้าถึงนรก เพราะกายแตกสลายไป.
จบอรรถกถามิจฉาทิฏฐิสูตรที่ 1

2. สัมมาทิฏฐิสูตร


ว่าด้วยผู้เป็นสัมมาทิฏฐิเข้าถึงสวรรค์


[249] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตร
นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตเห็นสัตว์ผู้ประกอบด้วย
กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ
ถือมั่นการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ก็เราตถาคตกล่าวคำนั้นแลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตได้เห็นสัตว์ผู้
ประกอบด้วยกายสุจริต... เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะได้ฟังต่อสมณะ
หรือพราหมณ์อื่นก็หามิได้ ก็แต่ว่าเรารู้มาเอง เห็นมาเอง ทราบนาเอง จึง
กล่าวว่า เราตถาคต ได้เห็นสัตว์ผู้ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ ถือมั่นการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ
เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
บุคคลในโลกนี้ ตั้งใจไว้ชอบ กล่าว
วาจาชอบ กระทำการงานชอบด้วยกาย
ผู้มีการสดับมา ผู้กระทำธรรมเป็นบุญไว้
ในชีวิตอันมีประมาณน้อย ในมนุษยโลกนี้
บุคคลนั้น เป็นผู้มีปัญญา เมื่อตายไป ย่อม
เข้าถึงสวรรค์.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบสัมมาทิฏฐิสูตรที่ 2

ในสูตรที่ 2 พึงทราบความตามบรรยายที่ตรงกันข้าม จากที่กล่าวไว้
แล้วในสูตรที่ 1

3. นิสสรณสูตร


ว่าด้วยธาตุที่สลัดออก 3 อย่าง


[250] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้
สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธาตุเป็นที่สลัดออก 3 อย่างนี้ 3 อย่าง
เป็นไฉน ? คือ เนกขัมมะ (รูปฌาน) เป็นที่สลัดออกซึ่งกามทั้งหลาย 1
อรูปฌานเป็นที่สลัดออกซึ่งรูปทั้งหลาย 1 นิโรธเป็นที่สลัดออกซึ่งธรรมชาติ
ที่เกิดแล้ว อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยกันเกิดขึ้น 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธาตุ
เป็นที่สลัดออก 3 อย่างนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ภิกษุผู้มีความเพียร รู้ธรรมเป็นที่
สลัดออกซึ่งกาม และอุบายเป็นเครื่อง
ก้าวล่วงรูปทั้งหลาย ถูกต้องธรรมเป็นที่
ระงับสังขารทั้งปวงในกาลทุกเมื่อ ภิกษุ
นั้นแลเป็นผู้เห็นโดยชอบ ย่อมน้อมไปใน
ธาตุนั้น ภิกษุนั้นแลอยู่จบอภิญญา สงบ-
ระงับ ก้าวล่วงโยคะได้แล้ว ชื่อว่าเป็นมุนี.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบนิสสรณสูตรที่ 3