เมนู

อรรถกถาสุจริตสูตร


ในสุจริตสูตรที่ 6 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้:-
ความประพฤติดี หรือความประพฤติงาม ชื่อว่าสุจริต. ความประพฤติดี
ด้วยกาย หรือความประพฤติดีที่เป็นไปแล้วทางกาย ชื่อว่า กายสุจริต. แม้ใน
บทที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
ก็แม้ในพระสูตรนี้ มีกล่าวถึง 2 อย่างเหมือนกัน คือด้วยสามารถ
แห่งบัญญัติ และด้วยสามารถแห่งกรรมบถ. การไม่ละเมิดสิกขาบทที่ทรง
บัญญัติไว้แล้ว ทางกายทวาร ชื่อว่า เป็นกายสุจริต การไม่ละเมิดสิกขาบทที่
ทรงบัญญัติไว้แล้ว ทางวจีทวาร ชื่อว่าเป็น วจีสุจริต การละละเมิดสิกขาบท
ที่ทรงบัญญัติไว้แล้วทั้ง 2 ทวาร ชื่อว่า เป็นมโนสุจริต เพราะฉะนั้น บรรดา
กถาทั้งสองอย่างนั้น นี้ เป็นบัญญัติกถา ส่วน เจตนาบ้าง วิรัติบ้าง 3 อย่าง
ที่เกิดขึ้นแล้วแก่บุคคลผู้งดเว้นจากปาณาติบาตเป็นต้น ชื่อว่ากายสุจริต. เจตนา
บ้าง วิรัติบ้าง 4 อย่างที่เกิดขึ้นแต่ผู้งดเว้นไปจากมุสาวาทเป็นต้น ชื่อว่าเป็น
วจีสุจริต. ธรรมที่สัมปยุตด้วยเจตนา 3 อย่าง คือ อนภิชฌา อัพยาบาท
สัมมาทิฏฐิเป็นมโนสุจริต. นี้แลคือการกล่าวตามกรรมบถ. คำที่เหลือมีนัยดัง
กล่าวแล้ว.
จบอรรถกถาสุจริตสูตรที่ 6

7. สุจิสูตร


ว่าด้วยความสะอาด 3 อย่าง


[244] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระ
สูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพ-
เจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้สะอาด 3 อย่างนี้
3 อย่างเป็นไฉน ? คือ ความเป็นผู้สะอาดทางกาย 1 ความเป็นผู้สะอาดทาง
วาจา 1 ความเป็นผู้สะอาดทางใจ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้สะอาด
3 อย่างนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
พระอริยเจ้าทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้า
เป็นต้น ได้กล่าวบุคคลผู้สะอาดทางกาย
ผู้สะอาดทางวาจา ผู้สะอาดทางใจ ผู้หา
อาสวะมิได้ ว่าเป็นผู้สะอาด ผู้ถึงพร้อม
ด้วยความเป็นผู้สะอาด ผู้ละกิเลสทั้งปวง
เสียได้.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพ-
เจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบสุจิสูตรที่ 7