เมนู

ในบทว่า อาสวานญฺจ สมฺภวํ นี้ อโยนิโสมนสิการ และ
กิเลสทั้งหลายมีอวิชชาเป็นต้น ชื่อว่า เป็นเหตุเกิดแห่งอาสวะทั้งหลาย. สมดังคำ
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวิชชาเกิดก่อน ความ
ไม่ละอายแก่ใจ ความไม่เกรงกลัวต่อบาป จะคล้อยตามการถึงพร้อมแห่ง-
อกุศลธรรมทั้งหลาย. บทว่า มคฺคญฺจ ขยคามินํ ความว่า ซึ่งพระอริยมรรค
อันเป็นเหตุให้ถึงธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะด้วย. บรรดาอาสวะเหล่านั้น
กามาสวะจะละได้ด้วยอนาคามิมรรค ภวาสวะ และอวิชชาสวะ จะละได้
ด้วยอรหัตมรรค. แต่อาจารย์บางพวกกล่าวว่า แม้กามาสวะ ก็ถูกมรรค
เบื้องปลายฆ่า เหมือนกามุปปาทาน. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวทั้งนั้น.
จบอรรถกถาปฐมอาสวสูตรที่ 7

8. ทุติยอาสวสูตร

ผู้สิ้นอาสวะย่อมชนะมารพร้อมทั้งพาหนะ


[235] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้
สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ 3 ประการนี้ 3 ประการเป็นไฉน
คือ กามาสวะ 1 ภวาสวะ 1 อวิชชาสวะ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ 3
ประการนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

ภิกษุใดมีกามาสวะสิ้นไปแล้ว สำรอก
อวิชชาออกได้แล้ว และมีภวาสวะหมดสิ้น
แล้ว ภิกษุนั้นพ้นวิเศษแล้ว หาอุปธิมิได้
ชนะมารพร้อมด้วยพาหนะแล้ว ย่อมทรง
ไว้ซึ่งร่างกายอันมีในที่สุด.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบทุติยอาสวสูตรที่ 8

ในสูตรที่ 8 ไม่มีข้อความที่ไม่เคยมีมาก่อน.

9. ตัณหาสูตร


ว่าด้วยตัณหา 3 ประการ


[236] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้
สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหา 3 ประการนี้ 3 ประการเป็นไฉน ?
คือ กามตัณหา 1 ภวตัณหา 1 วิภวตัณหา 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ตัณหา 3 ประการนี้แล.