เมนู

กรรมปถวรรควรรณนาที่ 7


พึงทราบวินิจฉัยในกรรมปถวรรค ดังต่อไปนี้ :-
กรรมบถแม้ 10 ท่านกล่าวคละกันทั้งโลกิยะและโลกุตระ ราคเปยยาล
ท่านกล่าวให้บรรลุถึงพระอรหัต. คำที่เหลือในที่ทั้งปวงง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถากรรมปถาวรรควรรณนาที่ 7
จบอรรถกถาจตุกนิบาตแห่งอังคุตตรนิกาย ชื่อมโนรถปูรณี

พระสูตรที่ไม่นับเป็นปัณณาสก์



ธรรมเพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ 4 ประการ


[274] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 4 ประการควรเจริญ เพื่อ
ความรู้ยิงซึ่งราคะ 4 ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสียได้ 1 ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา... 1 ย่อม
พิจารณาเห็นจิตในจิต... 1 ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ 1 ธรรม 4
ประการนี้ ควรเจริญเพื่อรู้ยิ่งซึ่งราคะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 4 ประการ
ควรเจริญเพื่อรู้ยิ่งซึ่งราคะ 4 ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ย่อมยังฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต
ตั้งจิตไว้เพื่อไม่ให้อกุศลบาปธรรมที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น 1 ... เพื่อละอกุศลบาป-
ธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว 1 เพื่อให้กุศลที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น 1 ย่อมยังฉันทะให้เกิด

พยายามปรารภความเพียร ประคองจิต ทั้งจิตไว้ เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน
เพื่อความมียิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์ แห่ง
กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว 1 ธรรม 4 ประการนี้ ควรเจริญเพื่อรู้ยิ่งซึ่งราคะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 4 ประการ ควรเจริญเพื่อรู้ยิ่งซึ่งราคะ 4
ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท
อันประกอบด้วยฉันทสมาธิ และปธานสังขาร 1 เจริญอิทธิบาทอันประกอบ
ด้วยวิริยสมาธิ... 1 จิตตสมาธิ ... 1 วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร 1 ธรรม
4 ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 4
ประการควรเจริญเพื่อกำหนดรู้ราคะ ฯลฯ ธรรม 4 ประการนี้ ควรเจริญ
เพื่อความสิ้นไปรอบ เพื่อละ เพื่อความสิ้น เพื่อความเสื่อม เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับ เพื่อสละ เพื่อสละคืน ซึ่งราคะ 4 ประการนี้ ควรเจริญเพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไปรอบ เพื่อละ เพื่อความสิ้น เพื่อความเสื่อม
เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสละ เพื่อสละคืน ซึ่งโทสะ โมหะ โกธะ
อุปนาหะ มักขะ ปฬาสะ อิสสา มัจจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ
มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ดังนี้แล.
จบจตุกนิบาต