เมนู

อะไร ๆ อื่นมีอยู่ด้วย ไม่มีอยู่ด้วยหรือ ท่านก็กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส อย่าได้
กล่าวอย่างนั้น ผมถามว่า ดูก่อนอาวุโส เพราะผัสสายตนะ 6 ดับสนิทโดย
สำรอกไม่เหลือ อะไร ๆ อื่นมีอยู่ก็มิใช่ ไม่มีอยู่ก็มิใช่หรือ ท่านก็กล่าวว่า
ดูก่อนอาวุโส อย่าได้กล่าวอย่างนั้น ดูก่อนอาวุโส ก็เนื้อความแห่งคำตามที่
ท่านกล่าวแล้วนี้ จะพึงเห็นได้อย่างไร ?
มหา. อาวุโส เมื่อกล่าวว่า เพราะผัสสายตนะ 6 ดับสนิทโดยสำรอก
ไม่เหลือ อะไร ๆ อื่นมีอยู่หรือ...ไม่มีอยู่หรือ...มีอยู่ด้วย ไม่มีอยู่ด้วยหรือ
... มีอยู่ก็มิใช่ ไม่มีอยู่ก็มิใช่หรือ ดังนี้ ชื่อว่าทำความไม่เนิ่นช้าให้เนิ่นช้า
ผัสสายตนะ 6 ยังดำเนินไปเพียงใด ปปัญจธรรมก็ดำเนินไปเพียงนั้น ปปัญจ-
ธรรมยังดำเนินไปเพียงใด ผัสสายตนะ 6 ก็ดำเนินไปเพียงนั้น ดูก่อนอาวุโส
เพราะผัสสายตนะ 6 ดับสนิทโดยสำรอกไม่เหลือ ปปัญจธรรมก็ดับสนิท
สงบระงับ.
จบอนนทสูตรที่ 4*

5. อุปวานสูตร


ว่าด้วยการกระทำที่สุดทุกข์


[175] ครั้งนั้นแล ท่านพระอุปวานเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึง
ที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกัน
ไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระสารีบุตรว่า
ดูก่อนอาวุโส บุคคลกระทำที่สุดแห่งทุกข์ด้วยวิชชาหรือหนอ ? ท่านพระ-
สารีบุตรกล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนั้น.
* สูตรที่ไม่มีอรรถกถา

อุ. ดูก่อนอาวุโส บุคคลกระทำที่สุดแห่งทุกข์ด้วยจรณะหรือ ?
สา. ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนั้น.
อุ. ดูก่อนอาวุโส บุคคลกระทำที่สุดแห่งทุกข์ด้วยวิชชาและจรณะ
หรือ ?
สา. ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนั้น.
อุ. ดูก่อนอาวุโส บุคคลกระทำที่สุดแห่งทุกข์อื่นจากวิชชาและจรณะ
หรือ ?
สา. ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนั้น.
ผมถามว่า ดูก่อนอาวุโส บุคคลกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ด้วยวิชชาหรือ
ท่านกล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนั้น ผมถามว่า ดูก่อนอาวุโส บุคคล
กระทำที่สุดแห่งทุกข์ด้วยจรณะหรือ... ด้วยวิชชาและจรณะหรือ... อื่นจาก
วิชชาและจรณะหรือ ท่านก็กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนั้น ดูก่อน
อาวุโส ก็บุคคลกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างไรเล่า ?
สา. ดูก่อนอาวุโส ถ้าบุคคลจักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชา
แล้วไซร้ ก็จักเป็นผู้มีอุปาทานเทียวกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ถ้าบุคคลจักกระทำ
ที่สุดได้ด้วยจรณะแล้วไซร้ ก็จักเป็นผู้มีอุปาทานเทียวกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
ถ้าบุคคลจักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชาและจรณะไซร้ ก็จักเป็นผู้มี
อุปาทานเทียวกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ถ้าบุคคลจักการทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
นอกจากวิชชาและจรณะไซร้ ปุถุชนก็จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะปุถุชน
เว้น จากวิชชาและจรณะ ดูก่อนอาวุโส บุคคลผู้มีจรณะสมบูรณ์จึงรู้จึงเห็น
ตามความเป็นจริง ย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
จบอุปวานสูตรที่ 5

อรรถกถาอุปวานสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอุปวานสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า วิชฺชายนฺตกโร โหติ ความว่า บุคคลทำที่สุดวัฏทุกข์ได้
ด้วยวิชชา คือทำทางวัฏทุกข์ทั้งสิ้นให้ขาดเสียสิ้นตั้งอยู่. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้
เหมือนกัน. บทว่า สอุปาทาโน แปลว่า เป็นผู้ยังมีความยึดถืออยู่. บทว่า
อนฺตกโร อภวิสฺส คือบุคคลจักทำที่สุดแห่งวัฏทุกข์อยู่ได้. บทว่า จรณ-
สมฺปนฺโน
คือถึงพร้อมแล้วด้วยจรณธรรม 15 ประเภท. บทว่า ยถาภูตํ
ชานํ ปสฺสํ อนฺตกโร โหติ
ความว่า บุคคลรู้เห็นด้วยมรรคปัญญาตาม
ความเป็นจริงแล้ว ชื่อว่า เป็นผู้ทำที่สุดแห่งวัฏทุกข์ตั้งอยู่ เพราะฉะนั้น
พระสารีบุตรเถระ จึงให้ปัญหาจบลงด้วยอดธรรมคือพระอรหัต.
จบอรรถกถาอุปวานสูตรที่ 5

6. อายาจนสูตร


ว่าด้วยบริษัท 4 ปรารถนา


[176] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีศรัทธาเมื่อปรารถนาโดยชอบ
พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ
เถิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรและโมคคัลลานะนี้เป็นตราชู เป็นประมาณ
แห่งภิกษุทั้งหลายผู้สาวกของเรา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้มีศรัทธา เมื่อ
ปรารถนาโดยชอบ พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นพระเขมาภิกษุณี