เมนู

บุคคลมีโทษเป็นอย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบด้วยกาย-
กรรมอันมีโทษ วจีกรรมอันมีโทษ มโนกรรมอันมีโทษ อย่างนี้แล บุคคล
มีโทษ

บุคคลมีโทษมากเป็นอย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบด้วย
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันมีโทษเป็นส่วนมาก ที่ไม่มีโทษเป็น
ส่วนน้อย อย่างนี้แล บุคคลมีโทษมาก
บุคคลมีโทษน้อยเป็นอย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบด้วย
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันไม่มีโทษเป็นส่วนมาก ที่มีโทษเป็น
ส่วนน้อย อย่างนี้แล บุคคลมีโทษน้อย
บุคคลไม่มีโทษเป็นอย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบด้วย
กายกรรมอันไม่มีโทษ วจีกรรมอันไม่มีโทษ มโนกรรมอันไม่มีโทษ อย่าง
นี้แล บุคคลไม่มีโทษ.
ภิกษุทั้งหลาย นี้แลบุคคล 4 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบสาวัชชสูตรที่ 5

อรรถกถาสาวัชชสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในสาวัชชสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
คนจำพวกที่หนึ่ง ได้แก่ ปุถุชนคนโง่เขลา จำพวกที่สอง ได้แก่
โลกิยปุถุชนผู้บำเพ็ญกุศลในระหว่าง ๆ จำพวกที่สาม ได้แก่ พระโสดาบัน ถึง
พระสกทาคามีและอนาคามี ก็รวมกับคนจำพวกที่สามนั้นเหมือนกัน จำพวก
ที่สี่ ได้แก่พระขีณาสพ จริงอยู่ พระขีณาสพนั้น หาโทษมิได้โดยส่วนเดียว.
จบอรรถกถาสาวัชชสูตรที่ 5

6. ปฐมสีลสูตร


ว่าด้วยบุคคล 4 จำพวก


[136] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
4 จำพวกเป็นไฉน คือ
บุคคลบางคนเป็นผู้ไม่ทำให้บริบูรณ์ในศีล ไม่ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ไม่ทำให้บริบูรณ์ในปัญญา 1
บุคคลบางคนเป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล แต่ไม่ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ไม่ทำให้บริบูรณ์ในปัญญา 1
บุคคลบางคนเป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ แต่
ไม่ทำให้บริบูรณ์ในปัญญา 1
บุคคลบางคนเป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ทำให้บริบูรณ์ในปัญญา 1
นี้แล บุคคล 1 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบปฐมสีลสูตรที่ 6

อรรถกถาปฐมสีลสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในปฐมสีลสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
คนจำพวกที่หนึ่ง ได้แก่โลกิยมหาชน จำพวกที่สอง ได้แก่พระ-
โสดาบันและพระสกทาคามี ผู้บำเพ็ญวิปัสสนาล้วน จำพวกที่สาม ได้แก่
พระอนาคามี จริงอยู่ พระอนาคามีนั้น เพราะเหตุที่ได้ฌานที่ทำอุปบัติให้เกิด