เมนู

ก็คงนิ่งอยู่ จึงตรัสเตือนอีกว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไม่ถาม
เพราะความเคารพในพระศาสดาก็เป็นได้ แม้ภิกษุที่เป็นสหายก็จงบอกแก่สหาย
ต่อ ๆ ไปเถิด ตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายก็คงนิ่งอยู่
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์จึงกราบทูลว่า น่าอัศจรรย์จริง พระพุทธ-
เจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าเลื่อมใสในหมู่ภิกษุนี้ว่า ความสงสัยหรือความเคลือบ
แคลงในพระพุทธเจ้าก็ดี ในพระธรรมก็ดี ในพระสงฆ์ก็ดี ในมรรคก็ดี ใน
ปฏิปทาก็ดี ไม่มีแก่ภิกษุแม้รูปเดียวในหมู่ภิกษุนี้.
พ. ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เธอกล่าวตามความเลื่อมใส ตถาคตหยั่งรู้
ทีเดียวในข้อนี้ว่า ความสงสัยหรือความเคลือบแคลงในพระพุทธเจ้าก็ดี ใน
พระธรรมก็ดี ในพระสงฆ์ก็ดี ในมรรคก็ดี ในปฏิปทาก็ดี ไม่มีแก่ภิกษุแม้
รูปเดียวในหมู่ภิกษุนี้ เพราะบรรดาภิกษุประมาณ 500 นี้ ภิกษุผู้มีคุณธรรม
ที่สุดก็เป็นพระโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะได้
ตรัสรู้ในข้างหน้า.
จบกุสินาราสูตรที่ 6

อรรถกถากุสินาราสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในกุสินาราสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปวตฺตเน ได้แก่ ในที่ท่ามกลางแถวต้นสาละที่อยู่ทิศ
ตะวันออก ยืนต้นเรียงเลี้ยวโค้งไปทางทิศเหนือ. บทว่า อนฺตเร ยมกสาลานํ
ได้แก่ ในระหว่างต้นสาละสองต้น. บทว่า กงฺขา ได้แก่ ความเคลือบแคลง.
บทว่า วิมติ คือ ไม่สามารถจะตัดสินได้. ความย่อในข้อนี้มีดังนี้ว่า ภิกษุรูปใด

พึงเกิดความสงสัยว่า พระพุทธเจ้าหรือมิใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมหรือมิใช่
พระธรรม พระสงฆ์หรือมิใช่พระสงฆ์ มรรคหรือมิใช่มรรค ปฏิปทาหรือ
มิใช่ปฏิปทา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงถามเถิด เราจะบอก
ความข้อนั้น แก่ภิกษุรูปนั้น ดังนี้
บทว่า สตฺถุคารเวนปิ น ปุจฺเฉยฺยาถ ความว่า ถ้าพวกเธอไม่
ถามเพราะความเคารพในพระศาสดาอย่างนี้ว่า พวกเราบวชในสำนักของพระ-
ศาสดา แม้ปัจจัย 4 เป็นของพระศาสดาของพวกเรา พวกเราเหล่านั้นไม่สงสัย
มาตลอดกาลเท่านี้แล้ว ก็ไม่ควรจะทำความสงสัยในวันนี้ ซึ่งเป็นปัจฉิมกาล.
ด้วยบทว่า สหายโกปิ ภิกฺขเว สหายกสฺส อาโรเจตุ ทรงแสดงว่า
บรรดาพวกเธอ ภิกษุใดเป็นเพื่อนเห็นเพื่อนคบของภิกษุใด ภิกษุนั้นจงบอก
แก่ภิกษุนั้น เราจักบอกแก่ภิกษุรูปหนึ่ง พวกเธอฟังคำของภิกษุนั้นแล้ว ก็จะ
พากันหายสงสัยไปสิ้น. บทว่า เอวํ ปสนฺโน ความว่า ข้าพระองค์เธออย่างนี้.
บทว่า ญาณเมว ความว่า ญาณที่ทำให้ประจักษ์ถึงภาวะที่ภิกษุไม่มีความสงสัย
มิใช่เพียงความเธอของตถาคตในข้อนี้. บทว่า อิเมสํ หิ อานนฺท ความว่า
บรรดาภิกษุประมาณ 500 รูปเหล่านี้ ที่นั่งอยู่ภายในม่าน. บทว่า โย ปจฺฉิมโก
ความว่า ตรัสถึงพระอานนทเถระ ซึ่งเป็นภิกษุผู้มีคุณต่ำที่สุด.
จบอรรถกถากุสินาราสูตรที่ 6

7. อจินติตสูตร


ว่าด้วยอจินไตย 4


[77] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย 4 อย่างนี้ไม่ควรคิด ผู้ที่คิด
ก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า อจินไตย 4 คือ
อะไรบ้าง คือ
1. พุทธวิสัยแห่งพระพุทธทั้งหลาย เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ผู้ที่คิด
ก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า
2. ฌานวิสัยแห่งผู้ได้ฌาน เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ผู้ที่คิด ก็จะ
พึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำปากเปล่า
3. วิบากแห่งกรรม เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ผู้ที่คิด ก็จะพึงมีส่วน
แห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า
4. โลกจินดา (ความคิดในเรื่องของโลก) เป็นอจินไตยไม่ควรคิด
ผู้ที่คิด ก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แล อจินไตย 4 ไม่ควรคิด ผู้ที่คิด ก็จะพึง
มีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า.
จบอจินติตสูตรที่ 7