เมนู

สุราเมรัย บางเหล่าเสพเมถุน บางเหล่า
โฉดเขลา ยินดีเงินและทอง บางเหล่า
เลี้ยงชีพโดยมิจฉาอาชีวะ.
บาปธรรมเหล่านั้น พระพุทธเจ้า
เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ ตรัสว่าเป็นอุปกิเลส
ซึ่งเป็นเหตุให้สมณพราหมณ์เหล่านั้นปรา-
กฏว่าเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มีราคี ไม่งามสง่า
สุกใส.
สมณพราหมณ์เหล่านั้นอันความมืด
(คืออวิชชา) หุ้มห่อแล้ว ตกเป็นทาสตัณหา
ถูกตัณหาจูงไป บำรุงเลี้ยงอัตภาพร้ายเข้า
ไว้ต้องไปเกิดอีก.

จบอุปกิเลสสูตรที่ 10
จบโรหิตัสสวรรคที่ 5

อรรถกถาอุปกิเลสสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอุปกิเลสสูตรที่ 10 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปกฺกิเลสา ความว่า ชื่อว่าอุปกิเลส (เครื่องเศร้าหมอง)
เพราะทำความมัวหมอง ไม่ให้ผ่องใส. บทว่า มหิยา คือ หมอก. บทว่า
ธูมรโช ได้แก่ ควันและผงคลี. บทว่า ราหุ ความว่า หมอก ควัน และ
ผงคลี ทั้งสามข้างต้น เป็นอุปกิเลสที่ไม่ถึงดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ส่วนราหู
พึงทราบว่า ท่านกล่าวด้วยสามารถอุปกิเลสที่ถึงดวงจันทร์ดวงอาทิตย์. บทว่า

สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ ความว่า
ย่อมไม่งาม ด้วยความงามโดยคุณ ไม่สุกใสด้วยความสุกใสโดยคุณ ย่อมไม่
ไพโรจน์ด้วยความไพโรจน์โดยคุณ. บทว่า สุราเมรยปานา อปฺปฏิวิรตา
ความว่า ไม่เว้นจากการดื่มสุรา 5 อย่าง และเมรัย 4 อย่าง.
บทว่า อวิชฺชานิวุตา ความว่า เป็นคนถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้ว คือ
ปกปิดไว้แล้ว. บทว่า ปิยรูปาภินนฺทิโน ความว่า เพลิดเพลิน ยินดี ปิยรูป
(สิ่งที่รัก) สิ่งเป็นที่ยินดี. บทว่า สาทิยนฺติ คือ ย่อมรับ. บทว่า อวิทฺทสุ
คือ อันธพาล. บทว่า สเนตฺติกา ความว่า นำไปด้วยเชือกคือตัณหา.
บทว่า กฏสึ คือ อัตภาพ. บทว่า โฆรํ คือ ร้าย. ทั้งในพระสูตรนี้ทั้งใน
คาถา ตรัสแต่วัฏฏะอย่างเดียว.
จบอรรถกถาอุปกิเลสสูตรที่ 10
จบโรหิตัสสวรรควรรณนาที่ 5
จบปฐมปัณณาสก์

รวมพระสูตรในวรรคนี้ คือ


1. สมาธิสูตร 2. ปัญหาสูตร 3. ปฐมโกธสูตร 4. ทุติยโกธ-
สูตร 5. ปฐมโรหิตัสสสูตร 6. ทุติยโรหิตัสสสูตร 7. สุวิทูรสูตร 8.
วิสาขสูตร 9. วิปัลลาสสูตร 10. อุปกิเลสสูตร และอรรถกถา