เมนู

ในกายอยู่. มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสใน
โลกเสีย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตใน
จิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคล
ไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน 4 เหล่านี้แล พระสัทธรรม
จึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเนื้อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว. และเพราะบุคคล
ได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน 4 เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้ง
อยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว.
จบฐิติสูตรที่ 2

อรรถกถาฐิติสูตร


ในฐิติสูตรที่ 2 คำว่า ย่อมมีการเสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม *

ได้แก่ ย่อมมีความเสื่อมหายด้วยอำนาจบุคคล. จริงอยู่ ภิกษุใด ตอนที่
พระพุทธเจ้าทั้งหลายยังทรงพระชนม์อยู่ ไม่เจริญสติปัฏฐาน 4 พระสัทธรรม
ของภิกษุนั้น ก็เป็นอันหายไป เหมือนพระสัทธรรมของพระเทวทัตเป็นต้น.
ในสูตรนี้ ตรัสถึงความสูญหายแห่งธรรมของบุคคลนั้นแล.
จบอรรถกถาฐิติสูตรที่ 2
* พม่าไม่มี แห่งพระสัทธรรม

3. ปริหานสูตร *



ว่าด้วยความเสื่อมแห่งพระสัทธรรม


[773] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์และท่านพระภัททะ อยู่ ณ
กุกกุฏาราม ใกล้เมืองปาฏลีบุตร. ครั้งนั้น ท่านพระภัททะออกจากที่เร้นใน
เวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอานนท์ว่า
[774] ดูก่อนท่านอานนท์ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่อง
ทำให้พระสัทธรรมเสื่อม. อะไรหนอเป็เหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระ-
สัทธรรมไม่เสื่อม.
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดีละ ๆ ท่านภัททะ ท่านช่างคิด ช่าง
เฉียบแหลม ช่างไต่ถามเหมาะ ๆ. ก็ท่านถามอย่างนี้หรือว่า ดูก่อนอานนท์
อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรมเสื่อม อะไรหนอเป็น
เหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรมไม่เสื่อม.
ภ. อย่างนั้น ท่านผู้เจริญ.
[775] อา. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้
กระทำให้มากซึ่งสติปัฎฐาน 4 พระสัทธรรมจึงเสื่อม. และเพราะบุคคล
ได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฎฐาน 4 พระสัทธรรมจึงไม่เสื่อม. สติ
ปัฎฐาน 4 เป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาะห็นกายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย.
* ไม่มีอรรถกถาแก้