เมนู

4. เจลสูตร



ว่าด้วยการมีธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึง


[741] สมัยหนึ่ง เมื่อพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
ปรินิพพานแล้วไม่นาน พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่แทบฝั่งแม่น้ำคงคาใกล้
อุกกเจลนครในแคว้นวัชชี กับพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่. ก็สมัยนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้ว ประทับนั่งที่กลางแจ้ง. ครั้งนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำเลืองดูภิกษุสงฆ์ผู้นิ่งอยู่ แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บริษัทของเรานี้ปรากฏเหมือนว่างเปล่า เมื่อสารีบุตร
และโมคคัลลานะยังไม่ปรินิพพาน สารีบุตรและโมคคัลลานะอยู่ในทิศใด ทิศ
นั้นของเราย่อมไม่ว่างเปล่า ความไม่ห่วงใยย่อมมีในทิศนั้น.
[742] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้
เหล่าใด ได้มีมาแล้วในอดีตกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้เหล่านั้นก็มีคู่สาวกนั้น
เป็นอย่างยิ่งเท่านั้น เหมือนกับสารีบุตรและโมคคัลลานะของเรา. พระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เหล่าใด จักมีในอนาคตกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้
เหล่านั้นก็จักมีคู่สาวกนั้นเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น เหมือนกับสารีบุตรและโมค-
คัลลานะของเรา.
[743] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เป็นความอัศจรรย์ของสาวกทั้งหลาย
เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาของสาวกทั้งหลาย สาวกทั้งหลายจักกระทำตามคำสอน
และกระทำตามโอวาทของพระศาสดา และจักเป็นที่รักเป็นที่ชอบใจ เป็นที่ตั้ง
* พม่าเป็น ปรินิพฺพุเตสุ ปรินิพพานแล้ว. 2. ยุโรปและพม่าเป็น สุญฺญา เม ภิกฺขเว ปริสา
โหติ บริษัทของเราก็ว่างเปล่าไป.

แห่งความเคารพและสรรเสริญของบริษัท 4. เป็นความอัศจรรย์ของตถาคต
เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาของตถาคต เมื่อคู่สาวกแม้เห็นปานนี้ปรินิพพานแล้ว
ความโศกหรือความร่ำไรก็มิได้มีแก่ตถาคต เพราะฉะนั้น จะพึงได้ข้อนี้แต่ที่
ไหน สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความทำลายเป็นธรรมดา
การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายเลย ดังนี้ มิใช่ฐานะที่จะมีได้.
[744] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ มีแก่นดัง
อยู่ลำต้นที่ใหญ่กว่าพึงทำลายลง ฉันใด เมื่อภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ซึ่งมีแก่น ดำรง
อยู่ สารีบุตรและโมคคัลลานะปรินิพพานแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น
จะพึงได้ในข้อนี้แต่ที่ไหน. สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความ
ทำลายเป็นธรรมดา การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายไปเลย ดังนี้ มิใช่
ฐานะที่จะมีได้ เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ
มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด.
[745] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่
พึ่งอยู่อย่างไร. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่...
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่... พิจารณา
เห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกเสีย. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่
พึ่งอยู่อย่างนั้นแล.
[746] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุพวกใดพวกหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ใน
กาลที่ล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็น

ที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่. ภิกษุ
เหล่านี้นั้นเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักเป็นผู้เลิศ.
จบเจลสูตรที่ 4

อรรถกถาเจลสูตร



พึงทราบอธิบายใน เจลสูตรที่ 4.
บทว่า เมื่อพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ปรินิพพาน
แล้วไม่นาน
ความว่า เมื่อพระอัครสาวกทั้งสองปรินิพพานนานแล้วหามิได้
ก็บรรดาพระอัครสาวกทั้งสองนั้น พระธรรมเสนาบดี ปรินิพพานในวันเพ็ญ
เดือนสิบสอง จากนั้นล่วงมาครึ่งเดือน ในวันอุโบสถแห่งกาฬปักข์กึ่งเดือน
นั้น พระมหาโมคคัลลานะจึงปรินิพพาน พระศาสดา เมื่อพระอัครสาวกทั้ง
สองปรินิพพานแล้ว มีหมู่ภิกษุใหญ่แวดล้อมเสด็จจาริกไปในมหามณฑลชนบท
เสด็จถึงอุกกเจลนครโดยลำลับ เสด็จไปบิณฑบาตในอุกกเจลนครนั้น แล้ว
ประทับอยู่บนหาดทรายมีสีดุจแผ่นเงิน ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา เพราะเหตุนั้น ท่านจึง
กล่าวว่า เมื่อพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานแล้วไม่นาน.
แม้ไม่บทว่า ลำต้นที่ใหญ่กว่าเหล่านั้นใด พึงทำลาย มีอธิบายว่า หมู่
ภิกษุเปรียบเหมือนต้นหว้าใหญ่สูงร้อยโยชน์ พระอัครสาวกทั้งสองเปรียบเหมือน
ลำต้น ที่ใหญ่ทั้ง 2 ประมาณห้าสิบโยชน์ที่แผ่ไปทั้งเบื้องขวา และเบื้องซ้ายแห่ง
ต้นไม้นั้น. คำที่เหลือ ควรประกอบในนัยก่อนนั่นเทียว.
จบอรรถกถาเจลสูตรที่ 4