เมนู

2. อภยสูตร



ความไม่รู้ความไม่เห็นมีเหตุมีปัจจัย


[627] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุง
ราชคฤห์ ครั้งนั้น อภัยราชกุมารเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้วได้ตรัสทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
[628] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ปุรณกัสสปกล่าวอย่างนั้นว่า เหตุไม่มี
ปัจจัยไม่มี เพื่อความไม่รู้ เพื่อความไม่เห็น ความไม่รู้ ความไม่เห็น ไม่
มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เหตุไม่มี ปัจจัยไม่มี เพื่อความรู้ เพื่อความเห็น ความรู้
ความเห็น ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย ดังนี้. ในเรื่องนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ไว้อย่างไร.
[629] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราชกุมาร เหตุมี
ปัจจัยมี เพื่อความไม่รู้ เพื่อความไม่เห็น ความไม่รู้ ความไม่เห็น มีเหตุ
มีปัจจัย เหตุมี ปัจจัยมี เพื่อความรู้ เพื่อความเห็น ความรู้ ความเห็น
มีเหตุ มีปัจจัย.
[630] อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เหตุเป็นไฉน ปัจจัยเป็นไฉน
เพื่อความไม่รู้ เพื่อความไม่เห็น ความไม่รู้ ความไม่เห็น มีเหตุ มีปัจจัย
อย่างไร.
[631] พ. ดูก่อนราชกุมาร สมัยใด บุคคลมีใจฟุ้งซ่านด้วย
กามราคะ อันกามราคะเหนี่ยวรั้งไป และย่อมไม่รู้ ไม่เห็น อุบายเป็นเครื่อง

สลัดออกซึ่งกามราคะที่บังเกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง แม้ข้อนี้แล ก็เป็นเหตุ
เป็นปัจจัย เพื่อความไม่รู้ เพื่อความไม่เห็น ความไม่รู้ ความไม่เห็น มีเหตุ
มีปัจจัย แม้ด้วยประการฉะนี้.
[632] ดูก่อนราชกุมาร อีกประการหนึ่ง สมัยใด บุคคลมีใจฟุ้งซ่าน
ด้วยพยาบาท. . .
[633] ดูก่อนราชกุมาร อีกประการหนึ่ง สมัยใด บุคคลมีใจ
ฟุ้งซ่านด้วยถีนมิทธะ. . .
[634] ดูก่อนราชกุมาร อีกประการหนึ่ง สมัยใด บุคคลมีใจฟุ้งซ่าน
ด้วยอุทธัจจกุกกุจจะ . . .
[635] ดูก่อนราชกุมาร อีกประการหนึ่ง สมัยใด บุคคลมีใจฟุ้งซ่าน
ด้วยวิจิกิจฉา อันวิจิกิจฉาเหนี่ยวรั้งไป และย่อมไม่รู้ไม่เห็นอุบายเป็นเครื่อง
สลัดออกซึ่งวิจิกิจฉาที่บังเกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง แม้ข้อนี้แล ก็เป็นเหตุ
เป็นปัจจัย เพื่อความไม่รู้ เพื่อความไม่เห็น ความไม่รู้ ความไม่เห็น มีเหตุ
มีปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.
[636] อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมปริยายนี้ ชื่ออะไร.
พ. ดูก่อนราชกุมาร ธรรมเหลานี้ ชื่อ นิวรณ์.
อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นิวรณ์เป็นอย่างนี้ ข้าแต่พระสุคต นิวรณ์
เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลถูกนิวรณ์แม้อย่างเดียวครอบงำแล้ว
ไม่พึงรู้ ไม่พึงเห็นตามความเป็นจริงได้ จะกล่าวไปไยถึงการถูกนิวรณ์ทั้ง 5
ครอบงำแล้ว.
[637] อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เหตุเป็นไฉน ปัจจัยเป็นไฉน
เพื่อความรู้ เพื่อความเห็น ความรู้ ความเห็น มีเห็น มีปัจจัย อย่างไร.

[638] พ. ดูก่อนราชกุมาร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติ-
สัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
เธอเจริญสติสัมโพฌงค์อยู่ ย่อมรู้ ย่อมเห็นตามความเป็นจริง ด้วยจิตนั้น
แม้ข้อนี้แล ก็เป็นเหตุ เป็นปัจจัย เพื่อความรู้ เพื่อความเห็น ความรู้
ความเห็น มีเหตุ มีปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.
[639] ดูก่อนราชกุมาร อีกประการหนึ่ง ฯลฯ ภิกษุย่อมเจริญ
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปใน
การสละ เธอเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์อยู่ ย่อมรู้ ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
ด้วยจิตนั้น แม้ข้อนี้แล ก็เป็นเหตุ เป็นปัจจัย เพื่อความรู้ เพื่อความเห็น
ความรู้ ความเห็น มีเหตุ มีปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.
[640] อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมปริยายนี้ ชื่ออะไร.
พ. ดูก่อนราชกุมาร ธรรมเหล่านั้น ชื่อ โพชฌงค์.
อ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า โพชฌงค์เป็นอย่างนี้ ข้าแต่พระสุคต
โพชฌงค์เป็นอย่างนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลผู้ประกอบด้วยโพชฌงค์
แม้อย่างเดียว พึงรู้ พึงเห็นตามความเป็นจริงได้ จะกล่าวไปไยถึงการที่
ประกอบด้วยโพชฌงค์ทั้ง 7 เล่า. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ขึ้น
ภูเขาคิชฌกูฏ แม้ความเหน็ดเหนื่อยกาย ความเหน็ดเหนื่อยใจ ของข้าพระองค์
ก็สงบระงับแล้ว และธรรมข้าพระองค์ก็ได้บรรลุแล้ว.
จบอภยสูตรที่ 6

อรรถกถาอภยสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอรรถกถาอภยสูตรที่ 6.
บทว่า อญฺญาณาย อทสฺสนาย ได้แก่ เพื่อความไม่รู้ เพื่อความ
ไม่เห็น. บทว่า ตคฺฆ ภควา นีวรณา ได้แก่ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
นิวรณ์โดยส่วนเดียว. บทว่า กายกิลมโถ คือ ความกระวนกระวายทางกาย.
บทว่า จิตฺตถิลมโถ คือ ความกระวนกระวายทางจิต. บทว่า โสปิ เม
ปฏิปฺปสฺสทฺโธ
ความว่า ได้ยินว่า ความกระวนกระวายกายของพระราชกุมาร
นั้น เข้าไปยังที่สัปปายะแห่งฤดูก็เยือกเย็น นั่งในสำนักของพระศาสดาก็สงบ
ระงับแล้ว . เมื่อกายนั้นสงบ แม้ความกระวนกระวายจิต ก็สงบ โดยคล้อยตาม
กายนั้นแล. อีกอย่างหนึ่ง ความกระวนกระวายกายและจิตแม้ทั้งสองนั้นของ
พระราชกุมารนั้น พึงทราบว่า สงบระงับแล้วด้วยมรรคนั้นแล
จบอรรถกถาอภยสูตรที่ 6
จบหมวด 6 แห่งโพชฌงค์ที่ 6 แห่งโพชฌงค์สังยุต

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
1. อาหารสูตร 2. ปริยายสูตร 3. อัคคิสูตร 4. เมตตาสูตร
5. สคารวสูตร 6. อภยสูตร
จบหมวด 6 แห่งโพชฌงค์ที่ 6 แห่งโพชฌงค์สังยุต