เมนู

เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติ
และสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนาม
กาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้
ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์
ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุ
ให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ.
จบวิภังคสูตรที่ 8

อรรถกถาวิภังคสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในวิภังคสูตรที่ 8.
บทว่า กตมา จ ภิกฺขเว สมฺมาทิฏฺฐิ ความว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ทรงจำแนกมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 โดยปริยายนั้นแล้ว ทรง
เริ่มเทศนานี้ เหมือนทรงประสงค์จะจำแนกโดยปริยายอื่นอีก.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ทุกฺเข ญาณํ ความว่า ญาณอื่นเกิดขึ้น
ด้วยอาการ 4 ด้วยสามารถการฟัง 1 การพิจารณารอบคอบ 1 การแทงตลอด 1
การพิจารณา 1. แม้ในสมุทัยก็มีนัยนี้เหมือนกัน. ส่วนในสองบทที่เหลือ
(นิโรธและมรรค) ญาณ 3 อย่างเท่านั้น ย่อมควรเพราะการพิจารณาไม่มี
กัมมัฏฐานในสัจจะ 4 นี้ พระองค์ทรงแสดงแล้วด้วยบทว่า ทุกฺเข ญาณํ
เป็นต้นด้วยอาการอย่างนี้.
ในบทเหล่านั้น สัจจะ 2 ข้างต้น เป็นวัฏฏะ 2 ข้างปลายเป็น
วิวัฏฏะ ในวัฏฏะและวิวัฏฏะเหล่านั้น ความยึดมั่นในกัมมัฏฐานของภิกษุมีใน