เมนู

2. ทุติยกุสลสูตร*



ธรรมที่เป็นกุศลมีโยนิโสมนสิการเป็นมูล


[465] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เป็นกุศลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
อันเป็นไปในส่วนแห่งกุศล เป็นไปในฝ่ายแห่งกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีโยนิโสมนสิการเป็นมูล ประชุมลงในโยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ
เรากล่าวว่าเป็นยอดของธรรมเหล่านั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้
ถึงพร้อมด้วยโยนิโสมนสิการพึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญโพชฌงค์ 7 จักกระทำ
ให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7.
[466] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยโยนิโสมนสิการ
ย่อมเจริญโพชฌงค์ 7 ย่อมกระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 อย่างไรเล่า. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก
อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยโยนิโสมนสิการ ย่อมเจริญโพชฌงค์ 7 ย่อม
กระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 อย่างนี้แล.
จบทุติยกุสลสูตรที่ 2
* ไม่มีอรรถกถาแก้

3. อุปกิเลสสูตร



อุปกิเลสของทอง 5 อย่าง


[467] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปกิเลสของทอง 5 อย่างนี้ เป็น
เครื่องทำทองไม่ให้อ่อน ไม่ให้ควรแก่การงาน ไม่ให้มีสีสุก ให้เปราะ
และให้ใช้การไม่ได้ดี อุปกิเลส 5 อย่างเป็นไฉน .
[468] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล็กเป็นอุปกิเลสของทอง ทำทอง
ไม่ให้อ่อน ไม่ให้ควรแก่การงาน ไม่ให้มีสีสุก ให้เปราะ และให้ใช้การ
ไม่ได้ดี
[469] โลหะ เป็นอุปกิเลสของทอง ทำทองไม้ให้อ่อน ฯลฯ
[470] ดีบุก เป็นอุปกิเลสของทอง ทำทองไม่ให้อ่อน ฯลฯ
[471] ตะกั่ว เป็นอุปกิเลสของทอง ทำทองไม่ให้อ่อน ฯลฯ
[472] เงิน เป็นอุปกิเลสของทอง ทำทองไม่ให้อ่อน ไม่ให้
ควรแก้การงาน ไม่ให้มีสีสุก ให้เปราะ และให้ใช้การไม้ได้ดี.
[473] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปกิเลสของทอง 5 อย่างนี้แล เป็น
เครื่องทำทองไม่ให้อ่อน ไม่ให้ควรแก่การงาน ไม่ให้มีสีสุก ให้เปราะ
และให้ใช้การไม่ได้ดี.
[474] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล อุปกิเลสของ
จิต 5 อย่างนี้ เป็นเครื่องทำจิตไม่ให้อ่อน ไม่ให้ควรแก่การงาน ไม้ให้ผุดผ่อง
ให้เสียไป และไม่ให้ตั้งมั่นด้วยดี เพื่อความสิ้นอาสวะ.
อุปกิเลส 5 อย่างเป็นไฉน