เมนู

สติปัฏฐานเป็นมูล แม้เหล่านั้นว่าเป็นบุพภาค. ส่วนโพชฌงค์ซึ่งเป็นมูล
แห่งวิชชาและวิมุตติ พึงทราบว่า ท่านกล่าวว่า เป็นโลกุตตระแท้.
อรรถกถากุณฑลิยสูตรที่ 6

7. กูฏสูตร



ผู้เจริญโพชฌงค์ย่อมน้อมไปสู่นิพพาน


[401] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กลอนเรือนยอดทั้งหมดน้อมใบสู่ยอด
โน้มไปสู้ยอด โอนไปสู่ยอด แม้ฉันใด ภิกษุเจริญโพชฌงค์ 7 กระทำ
ให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอน
ไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[402] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเจริญโพชฌงค์ กระทำให้มาก
ซึ่งโพชฌงค์ 7 อย่างไร ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน
โอนไปสู่นิพพาน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัย
วิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ . น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขา
ส้มโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจริญโพชฌงค์ 7 อย่างนี้แล ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่
นิพพาน โน้มโปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบกูฏสูตรที่ 7

ส่วนอรรถกถากูฏสูตรที่ 7 มีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.

8. อุปวาณสูตร



โพชฌงค์ 7 ที่ปรารภดีแล้วย่อมให้อยู่ผาสุก


[403] สมัยหนึ่ง ท่านพระอุปวาณะและท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ
โฆสิตาราม ใกล้กรุงโกสัมพี ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อน
ในเวลาเย็นแล้ว เข้าไปหาท่านพระอุปวาณะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระ-
อุปวาณะ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอปวาณะว่า ท่านอุปวาณะผู้มีอายุ
ภิกษุจะพึงรู้หรือไม่ว่า โพชฌงค์ 7 อันเราปรารภดีแล้วอย่างนี้ ด้วยการกระทำ
ไว้ในใจโดยแยบคายเฉพาะตน ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นผาสุก ท่านพระ-
อุปวาณะตอบว่า ดูก่อนท่านสารีบุตรผู้มีอายุ ภิกษุพึงรู้ได้ว่า โพชฌงค์ 7
อันเราปรารภดีแล้วอย่างนี้ ด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคายเฉพาะตน
ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่ผาสุก.
[404] สา. ดูก่อนผู้มีอายุ ภิกษุปรารภสติสัมโพชฌงค์ ย่อมรู้ได้
หรือว่าจิตของเราหลุดพ้นดีแล้ว ถีนมิทธะเราถอนเสียแล้ว อุทธัจจกุกกุจจะ
เรากําจัดได้แล้ว ความเพียรเราปรารภแล้ว เรากระทำไว้ในใจอย่างจริงจัง
มิได้ย่อหย่อน ฯลฯ
[405] ดูก่อนผู้มีอายุ ภิกษุเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ย่อมรู้ได้
หรือว่าจิตของเราหลุดพ้นแล้ว ถีนมิทิธะเราถอนเสียแล้ว อุทธัจจกุกกุจจะ
เรากําจัดได้แล้ว ความเพียรเราปรารภแล้ว เรากระทำไว้ในใจอย่างจริงจัง
มิได้ย่อหย่อน ฯลฯ