เมนู

สิ้นไป ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อโพชฌงค์ 7 อันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้ กระทำ
ให้มากแล้วอย่างนี้ ผลานิสงส์ 7 ประการเหล่านี้ อันเธอพึงหวังได้.
จบสีลสูตรที่ 3

อรรถกถาสีลสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสีลสูตรที่ 3.
ในบทว่า สีลสมฺปนฺนา นี้ ท่านถือเอาโลกิยศีลและโลกุตรศีลของ
ภิกษุผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว. อธิบายว่า พวกภิกษุเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลนั้น. แม้
ในสมาธิและปัญญาก็มีนัยนี้เหมือนกัน. ส่วนความหลุดพ้น เป็นผลวิมุตติ
เท่านั้น. วิมุตติญาณทัสสนะ เป็นปัจจเวกขณญาณ. ในข้อนี้ ธรรมมีศีล
เป็นต้น เป็นทั้งโลกิยะและโลกุตระอย่างนี้ วิมุตติเป็นโลกุตระ วิมุตติญาณ
ทัสสนะเป็นโลกิยะเท่านั้น.
บทว่า ทสฺสนมฺปหํ ตัดบทเป็น ทสฺสนํปิ อหํ ก็การได้เห็นนี้นั้น
มี 2 อย่างคือ การเห็นด้วยจักษุ 1 เห็นด้วยญาณ 1. ในการได้เห็น 2 อย่าง
นั้น การได้เห็นคือการได้แลดูพระอริยะทั้งหลายด้วยจักษุ อันเลื่อมใส
ชื่อว่า การได้เห็นด้วยจักษุ. ส่วนการได้เห็นลักษณะอันพระอริยะเห็นแล้ว
และการแทงตลอดลักษณะอันพระอริยะแทงตลอดแล้ว ด้วยฌาน ด้วย
วิปัสสนา หรือด้วยมรรคและผล คือว่า การได้เห็นด้วยญาณ. แต่ในการ
ได้เห็น 2 อย่างนี้ การได้เห็นด้วยจักษุ ประสงค์เอาในที่นี้. เพราะว่า แม้
การได้แลดูพระอริยะด้วยจักษุอันเลื่อมใส มีอุปการะมากทีเดียว. บทว่า สวนํ
ได้แก่ การได้ฟังด้วยหู ต่อบุคคลทั้งหลายผู้กล่าวอยู่ว่า พระขีณาสพชื่อโน้น