เมนู

6. สีสัจฉินนสูตร



ว่าด้วยตัวกะพันธ์ศีรษะขาด



[655] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลง
มาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นตัวกะพันธ์ไม่มีศีรษะ มีตาและปากอยู่ที่อก
ลอยอยู่ในเวหาส แร้งบ้าง กาบ้าง นกตะกรุมบ้าง ต่างก็โผถลาตามจิต
ทิ้งตัวกะพันธ์นั้น ได้ยินว่า ตัวกะพันธ์นั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯ ล ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้เป็นเพชฌฆาตผู้ฆ่าโจร ซึ่งว่าหาริกะ อยู่ใน
กรุงราชคฤห์นี้เอง ฯ ล ฯ.
จบสีสัจฉินนสูตรที่ 6

อรรถกถาสีสัจฉินนสูตรที่ 6



ในเรื่องคนฆ่าโจร มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ผู้ฆ่าโจรนั้น ตัดศีรษะพวกโจรเป็นเวลานานตามคำสั่งพระราชา
เมื่อบังเกิดในเปตโลก บังเกิดเป็นตัวกะพันธ์ไม่มีศีรษะ.
จบอรรถกถาสีสัจฉินนสูตรที่ 6

7. ภิกขุสูตร



ว่าด้วยภิกษุไฟติดทั่วตัวลอยในอากาศ



[656] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลง
มาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นภิกษุอยู่ในเวหาส ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตร
ก็ดี ประคดเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของภิกษุนั้น อันไฟติดทั่วลุกโชติช่วง

แล้ว ได้ยินว่า ภิกษุนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯ ล ฯ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุนี้ได้เป็นภิกษุผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัม-
พุทธเจ้า ฯ ล ฯ.
จบภิกขุสูตรที่ 7

อรรถกถาภิกขุสูตรที่ 7



ในเรื่องภิกษุ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ปาปภิกฺขุ ได้แก่ ภิกษุลามก. ได้ยินว่า ภิกษุนั้นบริโภค
ปัจจัย 4 ที่ชาวโลกถวายด้วยศรัทธา เป็นผู้ไม่สำรวมทางกายทวารและ
วจีทวารทำลายอาชีวะเสีย เที่ยวปล่อยจิตใจให้สนุกสนาน. แต่นั้น เธอ
ไหม้อยู่ในนรกตลอดพุทธันดรหนึ่ง เมื่อเกิดในเปตโลก บังเกิดด้วย
อัตภาพเช่นภิกษุนั่นเอง.
จบอรรถกถาภิกขุสูตรที่ 7

8. ภิกขุนีสูตร



ว่าด้วยภิกษุณีไฟติดทั่วตัวลอยในอากาศ



[657] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลง
มาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นภิกษุณีลอยอยู่ในเวหาส ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตร
ก็ดี ประคดเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของภิกษุณีนั้น อันไฟติดทั่วลุกโชติ
ช่วงแล้ว ได้ยินว่า ภิกษุณีนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯ ล ฯ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีนี้ได้เป็นภิกษุณีผู้ชั่วช้า ในศาสนาของพระกัสสป-