ได้ยินว่า ในเวลาที่สัตว์นั้นจุติจากนรก กองกระดูกของโคทั้งหลาย
ที่ไม่มีเนื้อนั่นแล ได้ปรากฏเป็นนิมิต. สัตว์นั้นกระทำกรรมที่ปกปิดไว้
แม้นั้นเหมือนปรากฏแก่วิญญูชน จึงเกิดเป็นอัฏฐิสังขลิกเปรต.
จบอรรถกถาอัฏฐิสูตรที่ 1
2. เปสิสูตร
ว่าด้วยชิ้นเนื้อลอยในอากาศ
[641] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมา
จากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นชิ้นเนื้อลอยอยู่ในเวหาส พวกแร้งบ้าง กาบ้าง
นกตะกรุมบ้าง ต่างก็โผถลาตามจิกทิ้งชิ้นเนื้อนั้น ได้ยินว่า ชิ้นเนื้อนั้น
ส่งเสียงร้องครวญคราง ฯ ล ฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้เป็นคน
ฆ่าโค อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง.
จบเปสิสูตรที่ 2
อรรถกถาเปสิสูตรที่ 2
ในเรื่องชิ้นเนื้อ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า โคฆาตโก ความว่า ผู้ฆ่าโคนั้นชำแหละเนื้อโคเป็นชิ้น ๆ
ตากให้แห้ง ขายเนื้อแห้งเลี้ยงชีวิตอยู่อุทายี. ด้วยเหตุนั้น ในเวลาที่
สัตว์นั้นจุติจากนรก ชิ้นเนื้อนั่นแล ได้ปรากฏเป็นนิมิต. สัตว์นั้นจึงเกิด
เป็นมังสเปสิเปรต.
จบอรรถกถาเปสิสูตรที่ 2
3. ปิณฑสูตร
ว่าด้วยก้อนเนื้อลอยอยู่ในอากาศ
[642] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลง
มาจากภูเขาคิมฌกูฏ ได้เห็นก้อนเนื้อลอยอยู่ในเวหาส แร้งบ้าง กาบ้าง
พญาแร้งบ้าง ต่างก็โผถลาตามจิกทิ้งก้อนเนื้อนั้น ได้ยินว่า ก้อนเนื้อนั้น
ส่งเสียงร้องครวญคราง ฯล ฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้เป็นคนฆ่า
นกขาย อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ฯ ล ฯ.
จบปิณฑสูตรที่ 3
อรรถกถาปิณฑสูตรที่ 3
ในเรื่องก้อนเนื้อ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สากุณิโก ความว่า ในเวลาจับนกมาขาย พรานนกเอาขน
และหนังออก เหลือไว้แต่ก้อนเนื้อ ขายเลี้ยงชีพ. ด้วยเหตุนั้น ในเวลา
ที่สัตว์นั้นจุติจากนรก ก้อนเนื้อนั่นแล ได้ปรากฏเป็นนิมิต. สัตว์นั้น
จึงเกิดเป็นมังสปิณฑเปรต (เปรตก้อนเนื้อ).
จบอรรถกถาปิณฑสูตรที่ 3