เมนู

7. ลักขณสังยุต



ปฐมวรรคที่ 1



1. อัฏฐิสูตร



ว่าด้วยโครงกระดูกลอยฟ้าเป็นเหตุให้แย้ม



[636] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลัน-
ทกนิวาปสถาน กรุงราขคฤห์.
ก็สมัยนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่าน
พระมหาโมคคัลลานะอยู่บนภูเขาคิชฌกูฏ.
[637] ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเช้า ท่านพระมหาโมคัลลานะ
นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปหาท่านพระลักขณะจนถึงที่อยู่ ครั้นเข้าไป
หาแล้วได้กล่าวชวนท่านพระลักขณะว่า มาไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์
ด้วยกันเถิดท่านลักขณะ ท่านพระลักขณะรับคำท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ว่า อย่างนั้น ลำดับนั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังลงจากภูเขา
คิชฌกูฏ ได้แย้มขึ้นในที่แห่งหนึ่ง. ทีนั้น ท่านพระลักขณะได้ตาม
ท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านโมคคัลลานะ อะไรเล่าเป็นเหตุ เป็น
ปัจจัยทำให้แย้ม ท่านมหาโมคคัลลานะตอบว่า ท่านลักขณะ มิใช่
เวลาที่จะเฉลยปัญหาข้อนี้ ท่านจงถามผมในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด.
[638] ครั้งนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ

เที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ กลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัตตาหาร
แล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระลักขณะ
นั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านมหา-
โมคคัลลานะ เมื่อลงจากภูเขาคิชฌกูฏท่านได้แย้มขึ้นแล้วในที่แห่งหนึ่ง
ดูก่อนท่านพระมหาโมคคัลลานะ อะไรเล่าเป็นเหตุ เป็นปัจจัยทำให้
แย้มขึ้น.
[639] ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจาก
ภูเขาคิชฌกูฎ ได้เห็นโครงกระดูกลอยอยู่ในเวหาส พวกแร้งบ้าง กาบ้าง
พญาแร้งบ้าง ต่างก็โผถลาตามเจาะ จิก ทิ้งโครงกระดูกนั้น ได้ยินว่า
โครงกระดูกนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ผมคิดว่า อัศจรรย์จริงหนอ ไม่
เคยมีมาหนอ สัตว์แม้เห็นปานนี้ก็จักมี ยักษ์แม้เห็นปานนี้ก็จักมี การได้
อัตภาพแม้เห็นปานนี้ก็จักมี.
[640] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายเป็นผู้มีจักษุหนอ เป็นผู้มีญาณหนอ
เพราะว่า แม้สาวกก็จักรู้ จักเห็นสัตว์เช่นนี้ หรือจักเป็นพยาน เมื่อก่อน
เราได้เห็นสัตว์ตนนั้นเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้พยากรณ์ไว้ หากเราพึง
พยากรณ์สัตว์นั้นไซร้ คนอื่น ๆ ก็จะไม่พึงเชื่อถือเรา ข้อนั้นพึงเป็นไป
เพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน แก่ผู้ไม่เชื่อถือเรา ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้เป็นคนฆ่าโคอยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ด้วยผลของ

กรรมนั้น เขาจึงหมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี
หลายแสนปี ด้วยผลของกรรมนั่นแหละที่ยังเหลืออยู่ เขาจึงต้องเสวยการ
ได้อัตภาพเห็นปานนี้.
จบอัฏฐิสูตรที่ 1
[สูตรทุกสูตรนี้ขึ้นต้นเหมือนสูตรที่ 1 แต่มีเนื้อความต่างกันต่อไปนี้]

ลักขณสังยุต



ปฐมวรรคที่ 1



อรรถกถาอัฏฐิสูตรที่ 1



ในลักขณสังยุตมีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พระลักขณเถระ ที่ท่านกล่าวว่า อายสฺมา จ ลกฺขณตฺเถโร
เป็นผู้อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นผู้หนึ่งแห่งชฏิลจำนวน 1,000
คน บรรลุพระอรหัตในเวลาจบอาทิตตปริยายสูตร พึงทราบว่า เป็น
พระมหาสาวกรูปหนึ่ง. ก็เพราะเหตุที่ท่านประกอบด้วยอัตภาพสมบูรณ์
ด้วยลักษณะ บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง เสมอด้วยพรหม. ฉะนั้น จึง
ได้สมญาว่าลักขณะ. ส่วนท่านมหาโมคคัลลานะบรรลุพระอรหัตในวันที่ 7
นับแต่วันที่ท่านบวช เป็นพระอัครสาวกองค์ที่ 2.
บทว่า สิตํ ปาตฺวากาสิ ความว่า ได้กระทำการแย้มน้อย ๆ ให้
ปรากฏ ท่านอธิบายไว้ว่า ประกาศ คือแสดง.