เมนู

สา. ก็เพราะเหตุไร ข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ไว้.
ก. เพราะข้อนั้นมีประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งการประพฤติ
พรหมจรรย์ เป็นไปเพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับกิเลส เพื่อ
เข้าไปสงบ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ไว้.
จบปรัมมรณสูตรที่ 12

อรรถกถาปรัมมรณสูตรที่ 12



พึงทราบวินิจฉัยในปรัมมรณสูตรที่ 12 ดังต่อไปนี้.
บทว่า ตถาคโต คือ สัตว์. บทว่า น เหตํ อาวุโส อตฺถสญฺหิตํ
ความว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ข้อนั้นคือทิฏฐิไม่อิงประโยชน์. บทว่า นาทิพฺรหฺม-
จริยกํ
ความว่า ไม่เป็นข้อปฏิบัติเบื้องต้นแห่งมรรคพรหมจรรย์.
บทว่า เอตญฺหิ อาวุโส อตฺถสญฺหิตํ ความว่า ข้อนั้น คือสัจจ-
กัมมัฏฐาน 4 อิงประโยชน์. บทว่า อาทิพฺรหฺมจริยกํ ข้อนั้น คือ
เบื้องต้น ได้แก่ข้อปฏิบัติเบื้องต้นแห่งมรรคพรหมจรรย์.
จบอรรถกถาปรัมรณสูตรที่ 12

13. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร



ว่าด้วยพระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป



[531] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ครั้งนั้น ท่านพระ-

มหากัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระมหากัสสปนั่ง
เรียบร้อยแล้วได้กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล
เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เมื่อก่อนสิกขาบทมีน้อยและภิกษุตั้งอยู่ในพระ
อรหัตผลมีมาก และอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บัดนี้สิกขาบทมีมาก
และภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีน้อย.
[532] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัสสป ข้อนั้นเป็น
อย่างนี้คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบท
จึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่
เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และ
สัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลื่อนหายไป
ทองเทียมยิ่งไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่
หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไปฉันใด
พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบ
นั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลื่อนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นเมื่อใด
เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป.
[533] ดูก่อนกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่
ได้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้
ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหากเกิด ขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป
เปรียบเหมือนเรือจะอับปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่
เลือนหายไป ด้วยประการฉะนี้.
[534] ดูก่อนกัสสป เหตุฝ่ายดำ 5 ประการเหล่านี้ ย่อมเป็น

ไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุ
ฝ่ายต่ำ 5 ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา 1 ในพระธรรม 1 ใน
พระสงฆ์ ในสิกขา 1 ในสมาธิ 1 เหตุฝ่ายดำ 5 ประการเหล่านี้แล
ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือนเพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม.
[535] ดูก่อนกัสสป เหตุ 5 ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไป
พร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุ
5 ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัย
นี้ มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม 1 ในพระสงฆ์ 1
ในสิกขา 1 ในสมาธิ 1 เหตุ 5 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปพร้อม
เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม.
จบสัทธรรมปฏิรูปกสูตรที่ 13
จบกัสสปสังยุตที่ 4

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ



1. สันตุฏฐสูตร 2. อโนตตัปปิสูตร 3. จันทูปมสูตร
4. กุลูปกสูตร 5. ชิณณสูตร 6. ปฐมโอวาทสูตร
7. ทุติยโอวาทสูตร 8. ตติยโอวาทสูตร 9. ฌานาภิญญาสูตร
10. ภิกขุนูปัสสยสูตร 11. จีวรสูตร 12. ปรัมมรณสูตร
13. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร.