เมนู

4. กัสสปสังยุต



1. สันตุฏฐสูตร



ว่าด้วยเรื่องสันโดษ



[462] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย. . . แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
กัสสปนี้เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ และเป็นผู้กล่าวสรรเสริญคุณ
แห่งความสันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ ไม่ถึงการแสวงหาอันไม่ควรเพราะ
เหตุแห่งจีวร ไม่ได้จีวรก็ไม่สะดุ้ง ครั้นได้จีวรแล้วก็ไม่ยินดี ไม่ติดใจ
ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออก ย่อมใช้สอย ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย กัสสปนี้เป็นผู้สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้ และเป็น
ผู้กล่าวสรรเสริญคุณแห่งความสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้ ไม่ถึง
การแสวงหาอันไม่สมควร เพราะเหตุแห่งบิณฑบาต ไม่ได้บิณฑบาตก็ไม่
สะดุ้ง ครั้นได้บิณฑบาตแล้วก็ไม่ยินดี ไม่ติดใจ ไม่พัวพัน มีปกติ
เห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออก ย่อมบริโภค ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
กัสสปนี้เป็นผู้สันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามได้ และเป็นผู้กล่าวสรรเสริญ
คุณแห่งความสันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามได้ ไม่ถึงการแสวงหาอันไม่
สมควรเพราะเหตุแห่งเสนาสนะ ไม่ได้เสนาสนะก็ไม่สะดุ้ง ครั้นได้
เสนาสนะแล้วก็ไม่ยินดี ไม่ติดใจ ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญา

เครื่องสลัดออก ย่อมใช้สอย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กัสสปนี้เป็นผู้สันโดษ
ด้วยเภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ตามมีตามได้ และเป็นผู้กล่าว
สรรเสริญคุณแห่งความสันโดษด้วยเภสัชบริขาร ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้
ตามมีตามได้ ไม่ถึงการแสวงหาอันไม่ควร เพราะเหตุแห่งเภสัชบริขาร
ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ ไม่ได้เภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ก็ไม่
สะดุ้ง ครั้นได้เภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้แล้วก็ไม่ยินดี ไม่ติดใจ
ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออก ย่อมบริโภค.
[463] เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษา
อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้สันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ และจักเป็น
ผู้กล่าวสรรเสริญคุณแห่งความสันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ จักไม่ถึงการ
แสวงหาอันไม่ควรเพราะเหตุแห่งจีวร ไม่ได้จีวรแล้วก็จักไม่สะดุ้ง ครั้น
ได้จีวรแล้วจักไม่ยินดี ไม่ติดใจ ไม่พัวพัน จึงเป็นผู้มีปกติเห็นโทษ
มีปัญญาเครื่องสลัดออก ใช้สอย [พึงทำอย่างนี้ทุกบท] เราทั้งหลาย
จักเป็นผู้สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้ ฯ ล ฯ จักเป็นผู้สันโดษ
ด้วยเสนาสนะตามมีตามได้ ฯ ล ฯ จักเป็นผู้สันโดษด้วยเภสัชบริขาร
ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ตามมีตามได้ จักเป็นผู้กล่าวสรรเสริญคุณแห่ง
ความสันโดษด้วยเภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ตามมีตามได้ จัก
ไม่ถึงการแสวงหาอันไม่ควรเพราะเหตุแห่งเภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่ง
คนไข้ ไม่ได้เภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ก็ไม่สะดุ้ง ครั้นได้
เภสัชบริขารซึ่งเป็นปัจจัยแห่งคนไข้แล้วก็ไม่ยินดี ไม่ติดใจ ไม่พัวพัน
จักเป็นผู้มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออกบริโภค ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เราจักกล่าว

สอนพวกเธอตามอย่างกัสสป ก็หรือผู้ใดพึงเป็นผู้เช่นกัสสป และพวกเธอ
เมื่อได้รับโอวาทแล้ว พึงปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ดังนี้.
จบสันตุฏฐสูตรที่ 1

กัสสปสังยุต



อรรถกถาสันตุฏฐสูตรที่ 1



พึงทราบวินิจฉัยในสันตุฏสูตรที่ 1 แห่งกัสสปสังยุต.
บทว่า สนฺตุฏฺฐายํ ได้แก่ กัสสปะนี้ เป็นผู้สันโดษ. บทว่า
อิตริตเรน จีวเรน ได้แก่ ด้วยจีวรชนิดใดชนิดหนึ่ง เเห่งจีวรเนื้อหยาบ
ละเอียด เศร้าหมอง ประณีต ทน ชำรุด. มีอธิบายว่า สันโดษด้วย
จีวรชนิดใดชนิดหนึ่ง ตามที่ได้แล้วเป็นต้น. ก็ความสันโดษในจีวรมี
3 อย่าง คือ ยถาลาภสันโดษ 1 ยถาพลสันโดษ 1 ยถาสารุปปสันโดษ 1.
ถึงความสันโดษในบิณฑบาตเป็นต้น ก็นัยนี้แล.
การพรรณนาประเภทแห่งสันโดษเหล่านั้น ดังต่อไปนี้. ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ได้จีวรดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เธอใช้จีวรนั้นอย่างเดียว ไม่
ปรารถนาจีวรอื่น ถึงจะได้ก็ไม่รับ. นี้ชื่อว่า ยถาลาภสันโดษในจีวร
ของเธอ.
ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ภิกษุเป็นผู้ทุรพลตามปกติบ้าง ถูกอาพาธ
ครอบงำบ้าง เมื่อห่มจีวรหนักย่อมลำบาก. เธอเปลี่ยนจีวรนั้นกับภิกษุ
ผู้ชอบพอกัน ใช้จีวรเบา ก็ชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ. นี้ชื่อว่า ยถาพลสันโดษ
ในจีวรของเธอ.
ภิกษุอีกรูปหนึ่ง ได้ปัจจัยที่ประณีต. บรรดาบาตร
และจีวรเป็นต้น เธอได้จีวรมีค่ามากอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือได้จีวร