เมนู

นี้ให้เป็นก้อน ก่อนละเท่าเม็ดระเบาแล้ววางไว้ สมมติว่า นี้เป็นบิดา
ของเรา นี้เป็นบิดาของบิดาของเรา โดยลำดับ บิดาของบิดาแห่งบุรุษ
นั้นไม่พึงสิ้นสุด ส่วนมหาปฐพีนี้ พึงถึงการหมดสิ้นไป ข้อนั้นเพราะ
เหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ
ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความ
พินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน เหมือนฉะนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขาร
ทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ .
จบปฐวีสูตรที่ 2

อรรถกถาปฐวีสูตรที่ 2



พึงทราบวินิจฉัยในปฐวีสูตรที่ 2 ดังต่อไปนี้.
บทว่า มหาปฐวึ ได้แก่ มีจักรวาลเป็นที่สุด. บทว่า นิกฺขิเปยฺย
ความว่า บุรุษทำลายปฐพีนั้นปั้นให้เป็นก้อน มีประมาณที่กล่าวแล้ว
พึงวางไว้ในที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
จบอรรถกถาปฐวีสูตรที่ 2

3. อัสสุสูตร



ว่าด้วยเปรียบน้ำตากับน้ำในมหาสมุทร



[425] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า

ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย. . . แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้
กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้น
เป็นไฉน น้ำตาที่หลั่งไหลของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญ
ร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ
โดยกาลนานนี้ กับน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 สิ่งไหนจะมากกว่ากัน.
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ ย่อม
ทราบธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วว่า น้ำตาที่หลั่งไหล
ออกของพวกข้าพระองค์ ผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะ
การประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ โดยกาล
นานนี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย.
[426] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถูกละ ๆ พวกเธอทราบธรรม
ที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกเธอผู้
ท่องเที่ยวไปมา ฯลฯ โดยกาลนานนี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทร
ทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของมารดาตลอดกาล
นาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบมรณกรรมของ
มารดา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพราก
จากสิ่งที่พอใจนั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่า
เลย พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดา.. . ของพี่ชายน้องชาย พี่สาว
น้องสาว. . . ของบุตร.. . . ของธิดา. . . ความเสื่อมแห่งญาติ. .. ความ
เสื่อมแห่งโภคะ. . . ได้ประสบความเสื่อมเพราะโรค ตลอดกาลนาน
น้ำตาที่หลั่งออกของพวกเธอเหล่านั้น ผู้ประสบความเสื่อมเพราะโรค
คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจาก

สิ่งที่พอใจนั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลาย
ไม่ได้ ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะ
เบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น
ดังนี้.
จบอัสสุสูตรที่ 3

อรรถกถาอัสสุสูตรที่ 3



พึงทราบวินิจฉัยในอัสสุสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้.
บทว่า กนฺทนฺตานํ ได้แก่ ร้องไห้อยู่ร่ำไป. บทว่า ปสนฺทํ น้ำตา
หลั่งไหล คือเป็นไปแล้ว. บทว่า จตูสุ มหาสมุทฺเทสุ ได้แก่ ใน
มหาสมุทรทั้ง 4 ที่กำหนดด้วยรัศมีภูเขาสิเนรุ. ก็สำหรับภูเขาสิเนรุ ทาง
ทิศปราจีน สำเร็จด้วยเงิน. ทางทิศทักษิณ สำเร็จด้วยแก้วมณี. ทางทิศ
ปัจฉิม สำเร็จด้วยแก้วผลึก. ทางทิศอุดร สำเร็จด้วยทอง. รัศมีแห่ง
เงินและแก้วมณี เปล่งออกทางทิศปราจีนและทักษิณ รวมเป็นอันเดียวกัน
แผ่ไปบนหลังมหาสมุทร ตั้งจดจักรวาลบรรพต. รัศมีแห่งแก้วมณีและ
แก้วผลึก เปล่งออกทางทิศทักษิณและทิศปัจฉิม รัศมีแห่งแก้วผลึกและทอง
เปล่งออกทางทิศปัจฉิมและทิศอุดร. รัศมีแห่งทองและเงินเปล่งออกทางทิศ
อุดรและทิศปราจีน รวมเป็นอันเดียวกัน แผ่ไปบนหลังมหาสมุทร ตั้ง
จดจักรวาลบรรพต. ภายในรัศมีเหล่านั้น เป็นมหาสมุทรทั้ง 4. ท่านหมาย
เอามหาสมุทร 4 เหล่านั้น จึงกล่าวว่า จตูสุ มหาสมุทฺเทสุ. บทว่า