เมนู

ทิฏฐิในจิต 8 ดวง ทรงกล่าวว่า "ไม่ดำริ" พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
ห้ามจิตที่มาในพระสูตร แล้วทรงถือเอาอุปนิสัยโดยที่สุดที่ยังละไม่ได้ ใน
กุศลจิต อกุศลจิต วิปากจิต กิริยาจิต ที่เป็นไปในภูมิ 3 และรูป
ด้วยคำว่า "ย่อมครุ่นคิด." นัยที่ 4 เช่นกับนัยก่อนแล.
บทว่า ตทปฺปติฏฺฐิเต แปลว่า เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งมนแล้ว.
บทว่า "อวิรุฬฺเห ไม่เจริญขึ้นแล้ว" ได้แก่ เมื่อเกิดมูลแห่งการไม่
บังเกิด เพราะสามารถให้กรรมทรุดโทรมแล้วชักปฏิสนธิมา. ถามว่า
ก็ในวาระที่ 3 นี้ท่านกล่าวถึงอะไร. แก้ว่า กล่าวถึงกิจของอรหัตมรรค.
จะกล่าวว่า การกระทำกิจของพระขีณาสพบ้าง นวโลกุตรธรรมบ้าง
ก็ควร. แต่ในวาระนี้ มีอธิบายว่า ระหว่างวิญญาณกับภพใหม่ในอนาคต
เป็นสนธิอันหนึ่ง ระหว่างเวทนากับตัณหาเป็นสนธิอันหนึ่ง ระหว่าง
ภพกับชาติเป็นสนธิอันหนึ่ง.
จบอรรถกถาปฐมเจตนาสูตรที่ 1

9. ทุติยเจตนาสูตร



ว่าด้วยความเกิดดับแห่งกองทุกข์



[147] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด
สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมมณ-
ปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญ