เมนู

ทั้งหลาย ทุกแห่ง ด้วยบทเหล่านั้น. บทว่า เอเสวตฺโถ ความว่า นั้น
นั่นแล เป็นความแห่งปฏิจจสมุปบทาที่ว่า ทุกข์มีเพราะผัสสะเป็นปัจจัย.
บทว่า ตญฺเญเวตฺถ ปฏิภาตุ แปลว่า ในข้อนั้นญาณจงปรากฏในพระผู้มี
พระภาคเจ้านั้น.
บัดนี้ พระเถระเมื่อจะทำความข้อนั้นให้ลึกซึ้งและมีโอภาสลึกซึ้ง
ด้วยยปฏิจจสมุปบาทกถามีชรามรณะเป็นต้น จึงกล่าวว่า สเจ มํ ภนฺเต
เป็นต้น ถ้อยคำมีบทใดเป็นมูลเกิดขึ้น ก็ยึดถือบทนั้นแล้วแสดงวิวัฏฏะ
จึงกล่าวว่า ฉนฺนํ เตฺวว เป็นต้น. คำที่เหลือ ความง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาอัญญติตถิยสูตรที่ 4

5. ภูมิชสูตร



ว่าด้วยสุขและทุกข์



[79] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น
ท่านพระภูทิชะ ออกจากที่เร้น เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ครั้น
แล้วได้สนทนาปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้
ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้วได้
กล่าวกะท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า ท่านสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวก
หนึ่งผู้กล่าวกรรมย่อมบัญญัติว่า สุขและทุกข์ตนทำเอง อนึ่ง มีสมณ-
พราหมณ์พวกหนึ่งผู้กล่าวกรรมย่อมบัญญัติว่า สุขและทุกข์ผู้อื่นทำให้
มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งผู้กล่าวกรรมย่อมบัญญัติว่า สุขและทุกข์ตนทำ
เองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย อนึ่ง มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งผู้กล่าวกรรมย่อม
บัญญัติว่า สุขและทุกข์เกิดขึ้นเอง เพราะอาศัยการที่มิใช่ตนเองกระทำ