เมนู

6. จาลาสูตร



ว่าด้วยมารรบกวนจาลาภิกษุณี



[537] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น เวลาเช้า. จาลาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไป
บิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในกรุงสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัต
กลับจากบิณฑบาตแล้วเข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่าอันธวัน
แล้วจึงนั่งพักกลางวันที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
[538] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้จาลาภิกษุณีบังเกิดความกลัว
ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไป
หาจาลาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะจาลาภิกษุณีว่า ดูก่อนภิกษุณี
ท่านไม่ชอบใจอะไรหนอ.
จาลาภิกษุณีตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เราไม่ชอบความเกิดเลย.
[539] มารผู้มีบาปกล่าวว่า
เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงไม่ชอบ
ความเกิด ผู้เกิดมาแล้วย่อมบริโภคกาม
ใครหนอให้ท่านยึดถือเรื่องนี้ อย่าเลย
ภิกษุณี ท่านจงชอบความเกิด.

[540] จาลาภิกษุณีกล่าวว่า
ผู้เกิดมาก็ต้องตาย ผู้ที่เกิดมาย่อมพบ
เห็นทุกข์ คือ การจองจำ การฆ่า ความ
เศร้าหมอง เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ชอบ
ความเกิด.

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเป็น
เครื่องก้าวล่วงความเกิด พระองค์สอนให้
เราตั้งอยู่ในสัจจะ เพื่อละทุกข์ทั้งมวล สัตว์
เหล่าใดเข้าถึงรูปภพ และสัตว์เหล่าใดเป็น
ภาคีแห่งอรูปภพ สัตว์เหล่านั้นเมื่อยังไม่รู้
นิโรธ ต้องมาสู่ภพอีก.

ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า จาลาภิกษุณีรู้จักเรา ดังนี้
จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาจาลาสูตร



ในจาลาสูตรที่ 6 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า โก นุ ตํ อิทมาทปยิ ความว่า ใครหนอคือคนพาลมีความ
รู้น้อย ให้ท่านยึดถือเรื่องนี้. บทว่า ปริเกฺลสํ ได้แก่ ความวุ่นวายซึ่งมีประการ
ต่าง ๆ แม้อย่างอื่น บัดนี้มารกล่าวคำใดไว้ว่า ใครหนอจะให้เธอยึดถือเอาเรื่อง
นั้นจึงแสดงคำนั้นว่า คนอันธพาลไม่ให้เรายึดถือ แต่พระศาสดาผู้เป็นอัคร-
บุคคลในโลกแสดงธรรมแล้ว จึงกล่าวว่า พุทโธ ดังนี้เป็นต้น. บรรดาบทเหล่า
นั้น บทว่า สจฺเจ นิเวสยิ ความว่าให้ตั้งอยู่ในพระนิพพานอันเป็นปรมัตถสัจจะ.
บทว่า นิโรธํ อปฺปชานนฺตา ได้แก่ ไม่รู้นิโรธสัจจะ.
จบอรรถกถาจาลาสูตรที่ 6