เมนู

4. วิชยาสูตร



ว่าด้วยมารรบกวนวิชยาภิกษุณี



[531] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น เวลาเช้า วิชยาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวร ฯลฯ
จึงนั่งพักกลางวันที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
[532] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้วิชยาภิกษุณีบังเกิดความ
กลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึง
เข้าไปหาวิชยาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะวิชยาภิกษุณีด้วยคาถาว่า
เธอยังเป็นสาวมีรูปงาม และฉันก็ยัง
เป็นหนุ่มแน่น มาเถิดนาง เรามาอภิรมย์
กันด้วยดนตรี มีองค์ห้า.

[533] ลำดับนั้น วิชยาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่ใครหนอกล่าว
คาถา จะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์.
ทันใดนั้น วิชยาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่คือมารผู้มีบาป ใคร่จะ
ให้เราบังเกิดความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้
เคลื่อนจากสมาธิ จึงได้กล่าวคาถา.
ครั้นวิชยาภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาปแล้ว จึงได้กล่าวกะมารผู้
มีบาปด้วยคาถาว่า
ดูก่อนมาร รูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ อันน่ารื่นรมย์ใจ เ ราขอมอบให้
ท่านผู้เดียว เพราะเราไม่ต้องการมัน เรา
อึกอัดระอาด้วยกายเน่า อันจะแตกทำลาย
เปื่อยพังไปนี้ กามตัณหา เราถอนได้แล้ว

ความมืดในรูปภพที่สัตว์ทั้งหลายเข้าถึง
ในอรูปภพที่สัตว์ทั้งหลายเป็นภาคี และใน
สมาบัติอันสงบทั้งปวง เรากำจัดได้แล้ว.

ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า วิชยาภิกษุณีรู้จักเราดังนี้
จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาวิชยาสูตร



ในวิชชาสูตรที่ 4 มีวิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปญฺจงฺคิเกน ความว่าประกอบด้วยองค์ 5 อย่างนี้ คือ อาตตะ
กลองที่หุ้มหนังหน้าเดียว วิตตะหุ้มทั้งสองหน้าคือตะโพน อาตตวิตตะ หุ้มทั้ง
หมดมีบัณเฑาะว์เป็นต้น ฆนะคือ ฆ้อง สุสิระปี่และสังข์เป็นต้น. บทว่า
นิยฺยาตยามิ ตุยฺเหว ความว่า เราจะให้ดนตรีทั้งหมดแก่ท่านเท่านั้น. บทว่า
มาร น หิ เตน อตฺถิกา ความว่า เราไม่ต้องการดนตรีนั้น. บทว่า ปูติกาเยน
ความว่ากายแม้มีวรรณะดังทองคำ ก็ยังชื่อว่าเป็นกายเน่า เพราะอรรถว่าไหลเข้า
ไหลออกเป็นนิตย์ เพราะฉะนั้น วิชยาภิกษุณีจึงกล่าวอย่างนั้น. บทว่า ภินฺทเนน
ได้แก่มีอันแตกไปเป็นสภาวะ. บทว่า ปภงฺคุนา ได้แก่ถึงความแหลกเป็น
ผุยผงเป็นธรรมดา. บทว่า อฏฺฏิยามิ แปลว่า อึดอัดอยู่. บทว่า หรายามิ
แปลว่าระอาอยู่. บทว่า สนฺตา สมาปตฺติ ความว่าโลกิยสมาบัติ 8 อย่าง
ท่านกล่าวว่าสงบ เพราะสงบโดยอารมณ์ และสงบโดยองค์. บทว่า สพฺพตฺถ
ได้แก่ ในรูปภพและอรูปภพทั้งหมด. วิชยาภิกษุณีจึงกล่าวว่า แม้ความมืดคือ
อวิชชาเรากำจัดได้แล้ว ในฐานะทั้งปวงเหล่านี้คือในกามภพ ที่ยึดถือเอาแล้ว
เพราะถือเอาภพ 2 เหล่านั้น และในสมาบัติ 8.
จบอรรถกถาวิชยาสูตรที่ 4