เมนู

2. โสมาสูตร



ว่าด้วยมารรบกวนโสมาภิกษุณี



[525] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น เวลาเช้า โสมาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไป
บิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในกรุงสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัต
กลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักผ่อนกลางวัน ครั้นถึงป่า
อันธวันแล้ว จึงนั่งพักกลางวันที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
[526] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้โสมาภิกษุณีบังเกิดความกลัว
ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้า
ไปหาโสมาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะโสมาภิกษุณีด้วยคาถาว่า
สตรีมีปัญญาเพียงสองนิ้ว ไม่อาจถึง
ฐานะอันจะพึงอดทนได้ด้วยยาก ซึ่งท่าน
ผู้แสวงทั้งหลายจะพึงถึงได้.

[527] ลำดับนั้น โสมาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่ใครหนอกล่าว
คาถาจะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์
ทันใดนั้น โสมาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่คือมารผู้มีบาป ใคร่จะ
ให้เราบังเกิดความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้
เคลื่อนจากสมาธิ จึงกล่าวคาถา.
ครั้นโสมาภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาปแล้ว จึงได้กล่าวกะมาร
ผู้มีบาปด้วยคาถาว่า

ความเป็นสตรีจะทำอะไรได้ เมื่อจิต
ตั้งมั่นดีแล้ว เมื่อญาณเป็นไปแก่ผู้เห็น
ธรรมอยู่โดยชอบ ผู้ใดพึงมีความคิดเห็น
แน่อย่างนี้ว่า เราเป็นสตรี หรือว่าเราเป็น
บุรุษ หรือจะยังมีความเกาะเกี่ยวว่า เรา
มีอยู่ มารควรจะกล่าวกะผู้นั้น.

ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า โสมาภิกษุณีรักเรา ดังนี้
จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาโสมาสูตร



ในโสมาสูตรที่ 2 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ฐานํ ได้แก่ พระอรหัต. บทว่า ทุรภิสมฺภวํ ได้แก่
ทนได้ยาก. บทว่า ทฺวงฺคุลปญฺญาย ได้แก่ ปัญญาเล็กน้อย อีกอย่างหนึ่ง
หญิงชื่อว่า ทฺวงฺคุลปญฺญา เพราะใช้สองนิ้วหยิบปุยฝ้ายกรอด้าย. บทว่า
ญาณมฺหิ วตฺตมานมฺหิ ความว่า เมื่อญาณในผลสมาบัติเป็นไปอยู่. บทว่า
ธมฺมํ วิปสฺสโต ความว่า ผู้เห็นแจ้งธรรมคือสัจจะ 4 หรือเห็นเฉพาะ
เบญจขันธ์ อันเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาในส่วนเบื้องต้น. บทว่า กิญฺจิ วา
ปน อสฺมีติ
ความว่า หรือความกังวลอื่น ๆ จะพึงมีแก่ผู้ใดด้วยตัณหามานะ
และทิฐิว่า เป็นเรา ดังนี้.
จบอรรถกถาโสมาสูตรที่ 2