เมนู

อรรถกถารัชชสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในรัชชสูตรที่ 10 ต่อไป :-
บทว่า อหนํ อฆาฏยํ ได้แก่ไม่เบียดเบียนเอง ไม่ใช้ให้เขาเบียด
เบียน. บทว่า อชินํ อชาปยํได้แก่ไม่ทำความเสื่อมทรัพย์เอง ไม่ใช้ให้
เขาทำความเสื่อม. บทว่า อโสจํ อโสจาปยํ ได้แก่ไม่เศร้าโศกเอง ไม่ทำ
ให้เขาเศร้าโศก. เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นมนุษย์ทั้งหลาย ถูกผู้
ลงโทษเบียดเบียน ในรัชสมัยของเหล่าพระราชาผู้ไม่ทรงธรรม จึงทรง
พระดำริอย่างนี้ ด้วยอำนาจความกรุณา. บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า มาร
คิคว่าพระสมณโคดม ทรงดำริว่า เราอาจครองราชสมบัติได้ คงจักอยากครอง
ราชสมบัติ ก็ขึ้นชื่อว่าราชสมบัตินี้เป็นฐานที่ตั้งแห่งความประมาท เมื่อทรง
ครองราชสมบัติ เราอาจได้พบความผิดพลาด จำเราจักไปทำให้พระองค์เกิดความ
อุตสาหะ ดังนี้จึงเข้าไปเฝ้า. บทว่า อิทฺธิปาทา ได้แก่ส่วนที่ให้สำเร็จ. บทว่า
ภาวิตา ได้แก่ให้เจริญแล้ว. บทว่า พหุลีกตา ได้แก่กระทำบ่อย ๆ. บทว่า
ยานีกตา ได้แก่การทำให้เป็นดุจยานที่เทียมไว้แล้ว. บทว่า วตฺถุกตา ได้
แก่กระทำให้มีที่ตั้ง เพราะอรรถาว่าเป็นที่ตั้ง. บทว่า อนุฏฺฐิตา ได้แก่ ไม่
ละแล้ว ติดตามอยู่เป็นนิตย์. บทว่า ปริจิตา ได้แก่สั่งสมดี ด้วยการกระทำ
ติดต่อกัน คือชำนาญเหมือนฝีมือยิงธนูไม่พลาดของนักแม่นธนู. บทว่า สุสมา
รทฺธา
ได้แก่ เริ่มพร้อมดีแล้วมีภาวนาบริบูรณ์แล้ว. บทว่า อธิมุจฺเจยฺย
ได้แก่พึงคิด.
บทว่า ปพฺพตสฺส แก้เป็น ปพฺพโต ภเวยฺย พึงมีภูเขา. บท
ทฺวิตาว ความว่า ภูเขาลูกเดียวยกไว้ก่อน ภูเขาทองขนาดใหญ่เพียงนั้นแม้

สองเท่า ก็ยังไม่พอคือไม่พอความต้องการสำหรับคน ๆ เดียวได้.
บทว่า อิติ วิทฺธา สมญฺจเร ได้แก่ เมื่อรู้อย่างนี้ พึงพระพฤติสม่ำเสมอ.
บทว่า ยโตนิทานํ ได้แก่ขึ้นชื่อว่าทุกข์มีกามคุณ 5 เป็นเหตุ. สัตว์ใดได้เห็น
อย่างนี้ว่า ทุกข์นั้นมีกามคุณใดเป็นเหตุ. บทว่า กถํ นเมยฺย ความว่า สัตว์
นั้นพึงน้อมไปในกามเหล่านั้นอันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ เพราะเหตุอะไร. บทว่า
อุปธึ วิทิตฺวา ความว่า รู้อุปธิคือกามคุณอย่างนี้ว่า นั่นเป็นเครื่องข้อง นี่ก็
เป็นเครื่องข้อง. บทว่า ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข ความว่าพึงศึกษา
เพื่อกำจัดอุปธินั้นนั่นแลเสีย ดังนี้.
จบอรรถกถารัชชสูตรที่ 10
ทุติยวรรคที่ 2


รวมพระสูตรในวรรคที่ 2 นี้มี 10 สูตร คือ


1. ปาสาณสูตร 2. สีหสูตร 3. สกลิกสูตร 4. ปฎิรูปสูตร
5. มานสสูตร 6. ปัตตสูตร 7. อายตนสูตร 8. ปิณฑิกสูตร 9.
กัสสกสูตร 10. รัชชสูตร พร้อมทั้งอรรถกถา