เมนู

4. อัจจยสูตร



ว่าด้วยคนพาลและบัณฑิต



[952] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหาร
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุสองรูปโต้เถียงกัน ในการโต้เถียงกันนั้น
ภิกษุรูปหนึ่งได้พูดล่วงเกิน.
ครั้งนั้นแล ภิกษุผู้พูดล่วงเกินนั้นแสดงโทษโดยความเป็นโทษ (รับ
ผิดและขอโทษ) ในสำนักของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นไม่รับ.
[953] ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมาก พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งอยู่ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง
เมื่อนั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ภิกษุสองรูปได้เถียงกัน ใน
การโต้เถียงกันนั้น ภิกษุรูปหนึ่งได้พูดล่วงเกิน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลำดับนั้น
ภิกษุผู้พูดล่วงเกินแสดงโทษโดยความเป็นโทษในสำนักของภิกษุนั้น ภิกษุนั้น
ไม่รับ พระพุทธเจ้าข้า.
[954] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี
2 จำพวกนี้ คือ ผู้ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ . ผู้ไม่รับตามสมควรแก่
ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี 2 จำพวกนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิตมี 2 จำพวกนี้ คือ ผู้เห็นโทษโดยความเป็นโทษ 1
ผู้รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิต
มี 2 จำพวกนี้แล.