เมนู

7. วันทนสูตร



ท้าวสักกะและท้าวสหัมบดีพรหมกล่าวคำสุภาษิต



[925] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ก็โดยสมสัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหลีกเร้นอยู่ในมราพักกลางวัน.
ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพ และท้าวสหัมบดีพรหมเสด็จเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นแล้ว ได้ประทับยืนพิงบานพระทวารอยู่องค์ละบาน.
[926] ลำดับนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสพระคาถานี้ ใน
สำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล่วกล้า ทรงชนะ
สงครามแล้ว ทรงปลงภาระลงแล้ว ไม่
ทรงมีหนี้ ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้น
เที่ยวไปในโลกเถิด อนึ่ง จิตของพระองค์
หลุดพ้นดีแล้ว เหมือนพระจันทร์ในราตรี
วันเพ็ญ ฉะนั้น.

[927] ท้าวสหัมบดีพรหมตรัสค้านว่า ดูก่อนจอมเทพ พระองค์ไม่
ควรกราบทูลพระตถาคตอย่างนี้เลย แต่ควรจะกราบทูลพระตถาคตอย่างนี้แลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะ
สงครามแล้ว ทรงเป็นผู้นำพวก ไม่ทรง
มีหนี้สิน ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้น
เที่ยวไปในโลก ขอเชิยพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงแสดงธรรม จักมีผู้รู้ทั่วถึงพระธรรมเป็น
แน่.

อรรถกถาวันทนสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในวันทนสูตรที่ 7 ต่อไปนี้ :-
บทว่า อุฏฺฐาหิ แปลว่า จงลุกขึ้น คือจงเพียรพยายาม. บทว่า
วิชิตสงฺคาม ความว่า ท้าวสักกะเรียกพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ เพราะ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงชำนะกิเลสมีราคะเป็นต้น และไพร่พลของมารประมาณ
12 โยชน์. บทว่า ปนฺนภาโร ได้แก่ มีภาระคือขันธ์ กิเลส อภิสังขาร
อัน ปลงลงแล้ว. บทว่า ปณฺณรสาย รตฺตึ คือกลางคืนขึ้น 15 ค่ำ.
จบอรรถกถาวันทนสูตรที่ 7

8. ปฐมสักกนมัสนสูตร



ท้าวสักกะทรงไหว้ผู้มีศีลธรรม



[928] สาวัตถีนิทาน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพตรัสกะ
มาตลีสังคาหกเทพบุตรว่า ดูก่อนสหายมาตลี ท่านจงเตรียมจัดรถม้าอาชาไนย
ซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัว เราจะไปยังพื้นที่อุทยานเพื่อชมภูมิภาคอันงดงาม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตลีสังคาหกเทพบุตรทูลรับพระดำรัสท้าวสักกะจอมเทพ
ว่า ขอเดชะ ขอความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดังนี้แล้ว เตรียมจัดรถม้าอาชาไนย
ซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวเสร็จแล้ว กราบทูลแต่ท้าวสักกะจอมเทพว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้นิรทุกข์ รถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวสำหรับพระองค์เตรียม
จัดไว้เสร็จแล้ว ขอพระองค์ทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ดูก่อนภิกษุ