เมนู

6. กุลาวกสูตร



ท้าวสักกะชนะอสูรโดยชอบธรรม



[884] สาวัตถีนิทาน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว สงความระหว่างพวกเทวดา
และอสูรได้ประชิดกันแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ในสงความคราวนั้น พวก
อสูรเป็นฝ่ายมีชัย พวกเทวดาเป็นฝ่ายปราชัย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเทวดา
ผู้พ่ายแพ้ต่างพากันหนีไปทางทิศอุดร พวกอสูรได้ชวนกันไล่พวกเทวดาเหล่า
นั้นไปแล้ว.
[885] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทวดาได้
ตรัสกะมาตลีสังคาหกเทพบุตรด้วยคาถาว่า
ดูก่อนมา เธอจงหลีกเลี่ยงรังนก
ในป่าไม่งิ้ว โดยบ่ายหน้างอนรถกลับ ถึง
เราจะต้องเสียสละชีวิตในพวกอสูรก็ตามที
นกเหล่านี้อย่าได้ปราศจากรังเสียเลย.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตลีสังคาหกเทพบุตรรับพระดำรัสของท้าวสักกะ
จอมเทวดาว่า ขอความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดังนี้แล้ว ให้รถซึ่งเทียมด้วยม้า
อาชาไนยพันตัวหันหลังกลับ.
[886] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พวกอสูรคิดว่า บัดนี้รถ
ซึ่งเทียมด้วยม้าอาชาไนยพันตัวของท้าวสักกะจอมเทวดาหันกลับมาแล้ว พวก
เทวดาจักทำสงความกับพวกอสูรแม้เป็นครั้งที่สองแล พวกอสูรต่างตกใจกลับ
เข้าไปสู่อสูรบุรี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชัยชนะโดยธรรมแท้ ๆ ได้เป็นของท้าว-
สักกะจอมเทวดาแล้ว ด้วยประการฉะนี้แล.

อรรถกถากุลาวกสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในกุลาวกสูตร ที่ 6 ต่อไปนี้ :-
บทว่า อชฺฌภาสิ ความว่า ได้ยินว่า เสียงรถ เสียงม้าอาชาไนย
เสียงธง เหมือนเสียงฟ้าผ่ารอบด้านมีแก่ท้าวสักกะผู้บ่ายหน้าเข้าป่าไม้งิ้วนั้น
พวกครุฑผู้มีกำลังในป่างิ้วนั้น ได้ยินเสียงนั้นแล้ว ก็พากันหนี พวกครุฑที่
แก่เฒ่า ที่หมดแรงเพราะโรค และลูกนกที่ยังไม่เกิดขนปีก ไม่อาจจะหนีได้
กลัวตายตกใจร้องกันระเบ็งเซ็งแซ่. ท้าวสักกะได้ยินเสียงนั้นแล้วจึงตรัสถาม
สารถีมาตลีว่า เสียงอะไรพ่อ. สารถีมาตลีกราบทูลว่า ข้าแต่เทวะ พวกครุฑ
ได้ยินเสียงรถของพระองค์ ไม่อาจจะหนีได้จึงร้อง. ท้าวสักกะได้ฟังคำนั้นแล้ว
มีพระทัยประกอบด้วยพระกรุณา จึงตรัส.
บทว่า อีสามุเขน คือ ทางงอนของรถ. รถจะไม่บดขยี้รังนกทาง
งอน ฉันใด ท่านจงหลีกรังนกนั้นด้วยทางงอนรถ ฉันนั้น. เพราะว่า รถที่
เกิดด้วยบุญเป็นปัจจัยมุ่งหน้าไปที่ภูเขาจักรวาลก็ดี ที่ภูเขาสิเนรุก็ดี ย่อมไม่ขัด
ข้อง ย่อมไปด้วยอำนาจการไปในอากาศ. ถ้าจะพึงไปทางป่างิ้วนั้น เมื่อเกวียน
ใหญ่ไปกลางป่างาก็ดี กลางป่าลุหุงก็ดี ป่าทั้งหมดก็ถูกเหยียบย่ำแหลกฉันใด
แม้ป่างิ้วนั้น ก็พึงเป็น ฉันนั้น.
จบอรรถกถกุลาวกสูตรที่ 6