เมนู

อรรถกถาปัตตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในปัตตสูตรที่ 6 ต่อไป :-
บทว่า ปญฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุปาทาย ความว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้า ทรงถือเอาอุปาทานขันธ์ 5 ขึ้นจำแนกแสดง โดยประการต่างๆ
ด้วยอำนาจสภาวะและสามัญลักษณะ. บทว่า สนฺทสฺเสติ ได้แก่ ทรงแสดง
สภาวะและลักษณะเป็นต้นของขันธ์ทั้งหลาย. บทว่า สมาทเปติ ได้แก่
ทรงให้ถือไว้. บทว่า สมุตฺเตเชติ ได้แก่ ทรงให้เกิดอุตสาหะในการสมาทาน
ถือเอา. บทว่า สมฺปหํเสติ ได้แก่ ทรงให้ผ่องแผ้ว ให้สว่างด้วยคุณที่
แทงตลอดแล้ว. บทว่า อฏฺฐิกตฺวา แปลว่า ทำให้เป็นประโยชน์ ได้แก่
กำหนดอย่างนี้ว่า เราพึงได้ประโยชน์นี้ แล้วมีความต้องการด้วยเทศนานั้น.
บทว่า มนสิกริตฺวา ได้แก่ ตั้งไว้ในจิต. บทว่า สพฺพโส สมนฺนาหริตฺวา
ได้แก่ รวบรวมไว้ด้วยจิตที่ทำการนั้นทั้งหมด. บทว่า โอหิตโสตา ได้แก่
ตั้งโสตไว้. บทว่า อชฺโฌกาเส นิกฺขิตฺตา ได้แก่ บาตรที่เหล่าภิกษุวางไว้
กลางแจ้งเพื่อผึ่งแดด.
บทว่า รูปํ เวทยิตํ สญฺญํ ได้แก่ ขันธ์ 3 มีรูปเป็นต้นเหล่านั้น
ทรงถือเอาสังขารขันธ์ ด้วยบทนี้ว่า ยญฺจ สงฺขตํ. บทว่า เอวํ ตตฺถ วิรชฺชติ
ได้แก่ พระอริยสาวกเมื่อเห็นว่า เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ของเรา ย่อม
เบื่อหน่ายในขันธ์เหล่านั้นอย่างนี้. บทว่า เขมตฺตํ ได้แก่ อัตภาพที่มี
ความเกษม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงขณะแห่งผลจิต ด้วยบทนี้. บทว่า
อนฺเวสํ ได้แก่ แสวงหาในที่ทั้งปวง กล่าวคือ ภพ กำเนิด คติ ฐิติและ
สัตตาวาส. บทว่า นาชฺฌคา ได้แก่ ไม่เห็น.
จบอรรถกถาปัตตสูตรที่ 6

7. อายตนสูตร


ว่าด้วยผัสสายตนะ 6


[ 464 ] ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา
ป่ามหาวัน กรุงเวสาลี.
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยังภิกษุทั้งหลายให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาเกี่ยวด้วยผัสสายตนะ 6.
ก็ภิกษุเหล่านั้นทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วยความเต็ม
ใจเงี่ยโสตลงสดับธรรมอยู่.
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้มีความคิดว่า พระสมณโคดมนี้แล ยังภิกษุ
ทั้งหลายให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาเกี่ยว
ด้วยผสัสายตนะ 6 และภิกษุเหล่านั้นทำในใจให้สำเร็จประโ่ยชน์ น้อมนึกมา
ด้วยความเต็มใจ เงี่ยโสตลงสดับธรรมอยู่ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไป หาพระสมณ-
โคดมถึงที่ประทับ เพื่อประสงค์ทำปัญญาจักษุให้พินาศ.
[465] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเข้าไปหาพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ครั้นแล้ว ได้ร้องเสียงดังพิลึกพึงกลัว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ในที่ใกล้
พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ลำดับนั้น ภิกษุรูปหนึ่งจึงกล่าวกะภิกษุอีกรูปหนึ่งอย่างนี้ว่า ภิกษุ
ภิกษุ แผ่นดินนี้เห็นจะถล่มเสียละกระมัง.
เมื่อภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสกะภิกษุนั้นว่า
ดูก่อนภิกษุ แผ่นดินนี้ย่อมไม่ถล่ม ดูก่อนภิกษุ นั่นมารผู้มีบาปมาแล้ว เพื่อ
ประสงค์ทำปัญญาจักษุของพวกเธอให้พินาศ.