เมนู

14. ปทุมปุปผสูตร



ว่าด้วยภิกษุขโมยกลิ่นปทุม



[795] สมัยหนึ่ง ภิกษุรูปหนึ่ง พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่งใน
แคว้นโกศล สมัยนั้นแล ภิกษุนั้นกลับจากบิณฑบาตภายหลังเวลาฉัน ลงสู่
สระโบกขรณีแล้วสูคดมดอกปทุม.
[796] ครั้งนั้นแล เทวดาผู้สิงอยู่ในแนวป่านั้น มีความเอ็นดู ใคร่
ประโยชน์แก่ภิกษุนั้น หวังจะไห้เธอสลด จึงเข้าไปหาถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้
กล่าวกะเธอด้วยคาถาว่า
ท่านสูดดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำซึ่ง
ใคร ๆ ไม่ได้ให้แล้ว นี้เป็นองค์อันหนึ่ง
แห่งความเป็นขโมย ท่านผู้นิรทุกข์ ท่าน
เป็นผู้ขโมยกลิ่น.

[797] ภิกษุกล่าวว่า
เราไม่ได้นำไป เราไม่ได้หัก เรา
ดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำห่าง ๆ เมื่อเป็น
เช่นนี้ ท่านจะเรียกว่าเป็นผู้ขโมยกลิ่นด้วย
เหตุดังรือ ส่วนบุคคลที่ขุดเง่าบัว หักดอก
บัวบุณฑริก เป็นผู้มีการงานอันเกลื่อนกล่น
อย่างนี้ ไฉนท่านจึงไม่เรียกเขาว่าเป็น
ขโมย.

[798] เทวดากล่าวว่า
บุรุษผู้มีบาปหนา แปดเปื้อนด้วย
ราคาทิกิเลสเกินเหตุ เราไม่พูดถึงคนนั้น

แต่เราควรจะกล่าวกะท่าน บาปประมาณ
เท่าปลายขนทราย ย่อมปรากฏประดุจ
เท่าก่อนเมฆในนภากาศแก่บุรุษผู้ไม่มีกิเลส
ดังว่าเนิน ผู้มักแสวงหาไตรสิกขาอัน
สะอาดเป็นนิจ.

[799] ภิกษุกล่าวว่า
ดูก่อนเทวดา ท่านรู้จักเราแน่ละ
และท่านเอ็นดูเรา ดูก่อนเทวดา ท่านเห็น
ธรรมเช่นนี้ในกาลใด ท่านพึงกล่าวอีก
[ในกาลนั้น] เถิด.

[800] เทวดากล่าวว่า
เราไม่ได้อาศัยท่านเป็นอยู่เลย และ
เราไม่ได้มีความเจริญเพราะท่าน ดูก่อน
ภิกษุ ท่านพึงไปสุคติได้ด้วยกรรมที่ท่าน
พึงรู้.

ลำดับนั้นแล ภิกษุนั้นเป็นผู้อันเทวดานั้นให้สลด ถึงซึ่งความสังเวช
แล้วแล.
จบปทุมปุปผสูตร
วนสังยุต จบบริบูรณ์

อรรถกถาปทุมปุปผสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในปทุมปุปผสูตร ที่ 14 ต่อไปนี้ :-
บทว่า อชฺฌภาสิ ความว่า เทวดานั้นเห็นภิกษุนั้นจับก้านดอกบัว
น้อมมา (ดม) จึงคิดว่า ภิกษุนี้ เรียนกัมมัฏฐานในสำนักของพระศาสดาแล้ว
เข้าป่า เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม จะพิจารณาเอากลิ่นเป็นอารมณ์ ภิกษุนี้นั้นวัน
นี้ ดมกลิ่นแล้ว แม้ในวันพรุ่งนี้ แม้ในวันมะรืนนี้ก็จักดมกลิ่น ตัณหาในกลิ่น
นั้นของภิกษุนั้น เพิ่มพูนขึ้นแล้ว จักยังประโยชน์ในชาตินี้และในชาติหน้าให้
พินาศ เมื่อเราเห็นอยู่ ภิกษุนี้อย่าพินาศเลย เราจักเตือนท่าน ดังนี้แล้ว
จึงเข้าไปพูด.
บทว่า เอกงฺคเมตํ เถยฺยานํ ความว่า นี้เป็นองค์หนึ่ง คือเป็นส่วน
หนึ่งแห่ง 5 ส่วน มีรูปารมณ์เป็นต้นที่พึงลักเอา. บทว่า น หรามิ แปลว่า
ไม่ถือเอาไป. บทว่า อารา คือภิกษุกล่าวว่า เราจับก้านในที่ไกลน้อมมา
ยืนดมอยู่ในที่ไกล. บทว่า วณฺเณน แปลว่า เพราะเหตุ. บทว่า ยฺวายํ
ตัดบทว่า โย อยํ (แปลว่า นี้ ใด). ได้ยินว่า เมื่อภิกษุนั้นกำลังพูดกับเทวดา
ดาบสคนหนึ่งก็ลงไปขุดเหงาบัวเป็นต้น. ท่านกล่าวหมายเอาความนั้น. บทว่า
อากิณฺณกมฺมนฺโต คือมีการงานไม่บริสุทธิ์อย่างนี้. บาลีว่า อขีณกมฺมนฺโต
บ้าง ความว่า มีการงานหยาบคาย. บทว่า น วุจฺจติ ความว่า เพราะเหตุไร
จึงไม่กล่าวว่า ขโมยกลิ่น หรือว่าขโมยดอกไม้. บทว่า อากิณฺณลุทฺโธ
คือมีความชั่วมาก หรือว่ามีความชั่วช้า. บทว่า อติเวลํว มกฺขิโต ความว่า
บุรุษนี้ผู้เปื้อนด้วยกิเลสมีราคะและโทสะเป็นต้น เหมือนอย่างผู้เศร้าหมอง
ที่แม่นมนุ่งแล้ว เปื้อนด้วยอุจจารปัสสาวะ ฝุ่นเขม่า และเปือกตมเป็นต้น.