เมนู

[770] เมื่อเทวดานั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว เทวดาอีกองค์หนึ่งได้กล่าว
กะเทวดานั้นด้วยคาถาว่า
ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ไม่อาลัยที่อยู่
เที่ยวไปเป็นหมู่ ประดุจวานรไปสู่แคว้น
มคธและโกศล บางพวกก็บ่ายหน้าไปสู่
แคว้นวัชชี.


อรรถกถาสัมพหุลสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสัมพหุลสูตร ที่ 4 ต่อไปนี้ :-
บทว่า สมฺพหุลา คือ ผู้ทรงพระสูตร ผู้ทรงพระอภิธรรม ผู้ทรง
พระวินัย เป็นอันมาก. บทว่า วิหรนฺติ ได้แก่ เรียนกัมมัฏฐานในสำนัก
พระศาสดาแล้วอยู่. บทว่า ปกฺกมึสุ ความว่า ได้ยินว่า คนทั้งหลายเห็น
ภิกษุเหล่านั้นเข้าไปยังหมู่บ้านแห่งใดแห่งหนึ่งในชนบทนั้น ก็มีจิตเลื่อมใส ปู
ลาดผ้าขนแกะเป็นต้นไว้ที่หอฉัน ถวายข้าวต้มและของขบเคี้ยวแล้วนั่งใกล้.
พระมหาเถระ กล่าวกะพระธรรมกถึกรูปหนึ่งว่า เธอจงกล่าวธรรม. พระธรรกถึก
นั้นจึงกล่าวธรรมกถาอย่างไพเราะ. คนทั้งหลายเลื่อมใสแล้วได้ถวายโภชนะอัน
ประณีตในเวลาฉัน. พระมหาเถระได้กระทำอนุโมทนาอาหารอย่างพึงพอใจ.
คนทั้งหลายเลื่อมใสอย่างยิ่งแล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นิมนต์จำพรรษา
อยู่ในที่นี้ตลอด 3 เดือนเถิด ให้ท่านรับปฏิญญาแล้ว ให้สร้างเสนาสนะในที่
ซึ่งสะดวกด้วยการไปมาอุปฐากด้วยปัจจัย 4.
พระมหาเถระสอนภิกษุในวันเข้าพรรษาว่า ดูก่อนผู้มีอายุ พวกท่าน
เรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระศาสดาผู้เป็นครู ชื่อว่า ความปรากฏแห่งพระ-

พุทธเจ้าหายาก พวกท่านจงฟังธรรมเดือนละ 8 วัน ละความคลุกคลีด้วยหมู่
คณะแล้วไม่ประมาทอยู่เถิด ดังนี้. จำเดิมแต่นั้นมา ภิกษุเหล่านั้น ย่อมขวน
ขวายพากเพียร บางวันก็ทำการฟังธรรมตลอดคืน บางวัน ก็แก้ปัญหา บาง
คราวก็ทำความเพียร. ในวันธรรมสวนะ ภิกษุเหล่านั้นกล่าวธรรมจนอรุณขึ้น
ในวันแก้ปัญหากระทำการถามและการแก้ คือ ภิกษุผู้ฉลาดถามปัญหา ผู้เป็น
บัณฑิตแก้ ในวันทำความเพียร ตีระฆังในเวลาพระอาทิตย์ตก ลงสู่ที่จงกรม
ทำความเพียร. ภิกษุเหล่านั้น จำพรรษาอย่างนี้ปวารณาแล้วหลีกไป. คำนี้ท่าน
กล่าวหมางถึงความข้อนั้น.
บทว่า ปริเทวมานา ความว่า เทวดากล่าวคำเป็นต้นว่า บัดนี้
เราจักได้ฟังธรรมและกล่าวปัญหาอันไพเราะเห็นปานนั้นแต่ไหนเล่า ดังนี้แล้ว
คร่ำครวญอยู่. บทว่า ขายติ แปลว่า ย่อมปรากฏ คือเข้าไปตั้งไว้. บทว่า
โกเม แปลว่า (พระสาวก) เหล่านี้ (ไป) ไหน. บทว่า วชฺชิภูมิยา แปลว่า
บ่ายหน้าไปแคว้นวัชชี. บทว่า มกฺกุฏฺาวิย แปลว่า เหมือนลิง. ภิกษุท่อง
เที่ยวไปที่เชิงเขาหรือที่ราวป่านั้น ๆ ไม่ถือว่า ที่นี้เป็นสมบัติของมารดา. เป็น
สมบัติของบิดาของเรา ที่มาตามประเพณี ภิกษุเหล่านั้นมีความผาสุกด้วยโคจร
คามและความไม่มีอันตรายอยู่ในที่ใด ก็อยู่ในที่นั้น แม้ภิกษุทั้งหลายผู้ไม่มี
เรือนอย่างนี้ จึงกล่าวว่า ดูก่อนผู้มีอายุ นี้เป็นสมบัติของอุปัชฌาย์อาจารย์ของ
เรา ที่มาตามประเพณี ดังนี้ จึงในถือเอา ภิกษุเหล่านั้นมีที่สบายด้วยอากาศ
สบายด้วยโภชนะ สบายด้วยเสนาสนะ สบายด้วยการฟังธรรม หาง่าย มีอยู่
ในที่ใด ย่อมอยู่ในที่นั้น.
จบอรรถกถาสัมพหุลสูตรที่ 4.

5. อานันทสูตร



ว่าด้วยเทวดาเตือนพระอานนท์



[771] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์ พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่ง
ในแคว้นโกศล สมัยนั้นแล ท่านพระอานนท์ เป็นผู้มากไปด้วยการรับแขก
ฝ่ายคฤหัสถ์เกินเวลาอยู่.
[772] ครั้งนั้นแล เทวดาผู้สิงอยู่ในแนวป่านั้น มีความเอ็นดู
ใคร่ประโยชน์แก่ท่านพระอานนท์ ใคร่จะให้ท่านสังเวชจึงเข้าไปหาถึงที่อยู่
ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านด้วยคาถาว่า
ท่านเข้าไปสู่ที่รกคือโคนต้นไม้แล้ว
จงใส่ใจถึงพระนิพพาน โคตมะ ท่านจง
เพ่งฌาน อย่าประมาท ถ่อยคำที่สนทนา
ของท่านจัก ทำอะไรได้.

ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ เป็นผู้อันเทวดานั้นให้สังเวชถึงซึ่งความ
สลดใจแล้วแล.

อรรถกถาอานันทสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอานันทสูตรที่ 5 ต่อไปนี้ :-
บทว่า อานนฺโท คือ พระเถระผู้เป็นคลังพระธรรม. บทว่า อติเวลํ
แปลว่า เกินเวลา. บทว่า คิหิสญฺญตฺติพหุโล ความว่า ยังคฤหัสถ์
ให้รู้จักเวลาเป็นอันมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน. จริงอยู่ เมื่อพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปเถระกล่าวกะพระเถระว่า ดูก่อน